เอเจนซี - ลูกหลานตระกูลเจ้าเผย รัฐบาลจีนไฟเขียวฝังเถ้ากระดูก เจ้า จื่อหยัง เคียงคู่คนรักผู้ล่วงลับ หลังจากพยายามเจรจาหาข้อตกลงกันมานานร่วมสิบปีเต็ม ทว่ายังไม่มีการกำหนดสถานที่สถิตสุดท้ายอย่างชัดเจน
“พวกเขา (ทางการจีน) แสดงความเห็นด้วยว่าให้ฝังเถ้ากระดูกของคนทั้งสองไว้ด้วยกัน” นายหวัง จื้อหวา สามีของนางหวัง เยี่ยนหนัน ซึ่งเป็นลูกสาวของเจ้า กล่าวถึงเจ้า จื่อหยัง และนางเหลียง ปั๋วฉี ที่เสียชีวิตในช่วงปลายปี 2556
เจ้า จื่อหยัง (赵紫阳) ถือเป็นหนึ่งบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองจีน ซึ่งดำรงตำแหน่งระดับสูงอย่างเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และนายกรัฐมนตรี ก่อนถูกปลดออกเพราะแสดงท่าทีคัดค้านการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ณ จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 2532
ช่วงชีวิตบั้นปลายกว่า 16 ปี เจ้าถูกสั่งลงโทษกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านพักของหมู่บ้านฟู่เฉียงหูท่ง หมายเลข 6 ในกรุงปักกิ่ง โดยเขาถูกกล่าวหาว่าทำให้พรรคฯ เกิดความแตกแยก และสนับสนุนเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในขณะนั้น
จนกระทั่งวันที่ 17 มกราคม 2548 เจ้า จื่อหยัง ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยวัย 85 ปี โดยทางพรรคฯ ได้เสนอให้ฝังศพไว้ที่สุสานวีรบุรษแห่งการปฏิวัติปาเป่าซัน แต่ครอบครัวของเจ้าต้องการสถานที่ที่เป็นส่วนตัว เพราะกลัวอุปสรรคการเข้าถึงสุสานในอนาคต
ขณะที่การจัดงานฌาปนกิจในตอนนั้นก็เป็นไปอย่างเข้มงวดรัดกุม เนื่องจากทางการจีนหวั่นเกรงว่าจะปลุกกระแสความเศร้าโศกครั้งใหญ่และนำไปสู่เหตุวุ่นวายต่างๆ โดยจัดส่งตำรวจและหน่วยความมั่นคงลงประจำทุกมุมถนนฉังอัน ซึ่งเป็นถนนใจกลางกรุงปักกิ่งที่การจราจรคับคั่ง
เถ้ากระดูกของเจ้ายังคงถูกเก็บไว้ที่บ้านพักหลังสุดท้ายในชีวิตด้วยมิอาจสร้างข้อตกลงเรื่องสถานที่ได้ บวกกับความกังวลของทางการจีนที่ไม่อยากรื้อฟื้นความทรงจำถึงบุรุษผู้เป็นที่รักของประชาชน ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
อย่างไรก็ดี นายหวังกล่าวในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่จากพรรคฯ และรัฐบาลปักกิ่ง เดินทางมาพบปะกับครอบครัวตลอดหลายเดือนมานี้ เพื่อปรึกษาหารือสถานที่อันจะเป็นสุสานของเจ้าและภริยา ซึ่งแม้ยังไม่ปรากฏแผนเป็นรูปเป็นร่าง แต่สมาชิกครอบครัวก็รู้สึกว่ามันเดินหน้ามากขึ้นแล้ว
“พวกเขาเริ่มมีความจริงใจ พอจะจับเข้านั่งคุยกันได้” เจ้า อู๋จวิน ลูกชายคนเล็กสุดของเจ้ากล่าว “เราแค่ต้องการให้บรรพบุรุษคนรุ่นเก่าได้พักผ่อนอย่างสงบสุข”
ด้านนักวิจารณ์การเมือง จัง หลี่ฟั่น ระบุว่าการอนุญาตฝังเถ้าอัฐิของเจ้าไม่ได้บ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนคิดจะกอบกู้ชื่อเสียงของเขากลับคืนมา และเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ยังวิตกอยู่ว่าสุสานส่วนตัวของเจ้าจะกลายเป็นสถานที่ที่อาจก่อความยุ่งยากขึ้นมาในอนาคต