เอเจนซี - ทางการจีนตั้งข้อหาอดีตซาร์ความมั่นคง โจว หย่งคัง อย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดนอ่วมหลายกระทงทั้งรับสินบน ใช้อำนาจโดยมิชอบ และจงใจเผยความลับของชาติ ปูทางสู่การไต่สวนคดีความในชั้นศาลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนสองเดือนข้างหน้านี้
สำนักงานอัยการประชาชนสูงสุดของจีนออกแถลงการณ์ (3 เม.ย.) การตั้งข้อกล่าวหานายโจว หย่งคัง วัย 72 ปี ระบุโจวได้ใช้ตำแหน่งงานของตัวเองเข้าตักตวงผลประโยชน์ ยอมรับทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลจากผู้อื่นอย่างผิดกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ และเป็นต้นเหตุความสูญเสียทรัพย์สินสาธารณะ รัฐ และประชาชนครั้งใหญ่หลวง
การก่ออาชญากรรมของโจวกินเวลานานนับทศวรรษ ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งต่างๆ ตั้งแต่รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติจีน (CNPC), หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลเสฉวน, รัฐมนตรีกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ กระทั่งสมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง หรือ ‘โปลิตบูโร’ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำสูงสุดบนแดนมังกร
แถลงการณ์เสริมว่าโจวแสดงเจตจำนงขอใช้สิทธิทางกฎหมายและความช่วยเหลือจากทนายส่วนตัวเพื่อต่อสู้คดีความ แต่ไม่ได้เผยว่าปัจจุบันโจวถูกกักขังอยู่ที่ใดหลังจากหายหน้าไปจากสาธารณะตั้งแต่เดือนต.ค. 2556
นอกจากนั้นยังไม่มีการกำหนดวันเวลาของการพิจารณาคดีที่แน่นอนออกมา แต่สื่อทางการจีนรายงานเมื่อเดือนก่อนว่า จีนจะดำเนินการพิจารณาไต่สวนโจวโดยเปิดเผย (open trial) เพื่อแสดงความโปร่งใสของกระบวนการยุติธรรม
คดีความของโจวถูกส่งต่อไปยังศาลประชาชนชั้นกลางหมายเลข 1 แห่งนครเทียนจิน ไม่ไกลจากนครหลวงปักกิ่งในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจัง ซื่อจื้อ นักกฏหมายที่เคยเป็นทนายแก้ต่างให้นางเจียง ชิง ภริยาของเหมา เจ๋อตง กล่าวว่า ทางการเลือกเทียนจินเพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่มีสายสัมพันธ์ใดกับโจว
อนึ่งนางเจียง ชิง เป็นนักโทษที่ได้รับการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยครั้งล่าสุดของจีนในปี 2523 โดยถูกตัดสินโทษประหารชีวิตรอลงอาญาจากฐานความผิดเป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของประชาชนหลายหมื่นคนในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม ปี 2509-2519
จังกล่าวว่าการพิจารณาคดีอาจเริ่มขึ้นในไม่ช้า ภายในเดือนหรือสองเดือนนี้ก็เป็นได้ โดยอ้างอิงกรณีของปั๋ว ซีไหล ก่อนหน้านี้ที่เปิดศาลไต่สวนหลังตั้งข้อหาได้ราวหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามผดุงหลักนิติธรรมของทางการจีน
ทั้งนี้ โจว หย่งคัง ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในโปลิตบูโรตั้งแต่ปี 2550 ควบกับตำแหน่งหัวหน้าคณะกรรมาธิการกลางกิจการกฎหมายและการเมือง ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านกฎหมายและความมั่นคงสูงสุดของประเทศ โดยก่อนหน้านั้นเขาเคยนั่งเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุดขององค์กรน้ำมันยักษ์ใหญ่ซีเอ็นพีซี ซึ่งโจวสร้างฐานอำนาจบริวารไว้มากมาย
หลังจากวางมือปลดเกษียณในปี 2555 ชีวิตของโจวก็เปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน ถูกฉุดสู่การตรวจสอบเอาผิดครั้งอื้อฉาว ซึ่งเป็นไปตามคำประกาศิตของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ประกาศต่อกรการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยแหวกธรรมเนียมดั้งเดิมของพรรคฯ ที่ทำความเข้าใจแบบไร้ลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่ดำเนินคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและสังคมกับสมาชิกโปลิตบูโรที่เกษียณงานไปแล้ว
ทางการจีนได้สั่งจับกุมโจวและขับไล่ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในปีก่อน หลังการสอบสวนชี้ว่าเขาก่ออาชญากรรมร้ายแรง ตั้งแต่รับเงินสินบนไปจนถึงเปิดเผยความลับของรัฐบาล พร้อมกันนั้นก็รวบตัวลูกสมุนคนสนิทที่ร่วมทำความผิด โดยเฉพาะในซีเอ็นพีซีอย่างน้อยนับสิบคน
ด้านผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีนให้ความเห็นว่ากระบวนการริดเขี้ยวเล็บ ‘เสือ’ คอร์รัปชั่นตัวใหญ่นี้ สะท้อนความมาดมั่นตั้งใจของสี จิ้นผิง ซึ่งกลายเป็นผู้นำสูงสุดของจีนในเดือนมี.ค. 2556 ที่จะรวบรวมอำนาจและผสานทุกรอยแตกร้าวภายในพรรคฯ ให้เป็นหนึ่งเดียว