จีนลดภาษีให้บริษัทขนาดเล็ก ช่วยอุ้มภาระการเงินช่วงเศรษฐกิจขาลง

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - จีนออกนโยบายลดภาษีช่วยบริษัทขนาดเล็ก รวมทั้งลดอัตราค่าประกันการว่างงานช่วยเหลือลูกจ้างและผู้ประกอบการ หลังเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว
เมื่อวันพุธ (25 ก.พ.) ปักกิ่งประกาศนโยบายลดภาษีให้แก่บริษัทขนาดเล็กเพื่อบรรเทาภาระทางการเงิน ในระหว่างที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังอ่อนแอ รวมทั้งจัดหาทุนช่วยบริษัทเหล่านี้ลงทุนด้านเทคโนโลยี

นโยบายดังกล่าวถือเป็นสัญญาณบ่งบอกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกลาง ท่ามกลางความกังวลว่าแผ่นดินใหญ่กำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเดือนที่ผ่านมา (ม.ค.) แตะตัวเลขต่ำสุดในรอบ 5 ปี

ด้านคณะมุขมนตรี ออกแถลงการณ์หลังการประชุมซึ่งมีนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ระบุ ต้องมีการดำเนินโยบายเชิงรุกเพื่อชดเชยผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ในขณะที่ซินหวา สื่อกระบอกเสียงรัฐบาลจีน รายงานว่า บริษัทขนาดเล็กที่ต้องจ่ายภาษีกำไรของบริษัท (profit tax) 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) หรือต่ำกว่านั้น จะได้รับการลดภาษีลงเหลือครึ่งเดียว โดยนโยบายนี้จะมีผลตั้งแต่ปีนี้ (2558) จนถึงปี 2560

อนึ่ง นโยบายการลดภาษีนี้ มีผลครอบคลุมมาตรการเดิมที่ประกาศใช้ในปี 2557 ถึงปี 2559 อันเป็นมาตรการที่รัฐออกมาช่วยเหลือบรรดาผู้ประกอบการซึ่งจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) หรือต่ำกว่านั้น ทั้งนี้ สำนักงานสรรพากรแห่งรัฐ (State Administration of Taxation) ระบุเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า ปีที่ผ่านมา (2557) มีบริษัทขนาดเล็กประมาณ 2.5 ล้านบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายจูงใจทางการเงินดังกล่าว โดยมูลค่าสิทธิประโยชน์ที่แต่ละบริษัทได้รับ รวมกันแล้วมากถึง 10,000 ล้านหยวน (ราวๆ 50,000 ล้านบาท)

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของคณะมุขมนตรียังมีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกว่า จะมีการปรับลดอัตราค่าประกันการว่างงาน (unemployment insurance rate) ลงเหลือ 2 เปอร์เซ็นต์จากปัจจุบันที่เรียกเก็บอยู่ที่ 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอัตราค่าประกันฯ นี้ ปัจจุบันลูกจ้างจะเป็นผู้จ่ายเอง 0.5 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนที่ได้รับ และอีก 2.5 เปอร์เซ็นต์ เรียกเก็บจากนายจ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดการจ่ายค่าประกันฯ อัตราใหม่แต่อย่างใด

ด้านหนึ่งในเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับการช่วยเหลือจากนโยบายใหม่นี้ กล่าวว่า “ผมมองเห็นรังสีแห่งความหวังขึ้นมาเลย จากนโยบายลดหย่อนภาษีนี้” นายฮั่น ไหเฟิง เจ้าของบริษัทโรงพิมพ์แห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ กล่าว “นโยบายนี้อาจไม่เพียงพอที่จะประกันได้ว่า บริษัทของผมจะไปรอด แต่มันก็ทำให้ผมมีความมั่นใจขึ้น”

นายฮั่น กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา บริษัทของเขาเสียหายไปเยอะมากจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาค่าแรงที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาลูกค้าประสบภาวะขาดทุน “พวกผู้นำกำลังลงมืออย่างเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเหลือบรรดาบริษัทที่มีปัญหา” นายฮั่น แสดงความคิดเห็น “ ลูกค้าของผมรายหนึ่งทำเกี่ยวกับธุรกิจส่งออก แต่ก็ล้มไปเมื่อปีก่อน ทำเอาบริษัทของผมเกือบล้มตามเพราะเขาเป็นหนี้เราเยอะมาก”

อย่างไรก็ดี นอกจากปัญหาข้างต้น ยังพบว่า บริษัทขนาดเล็กของจีนมักประสบปัญหาในการขอสินเชื่อจากธนาคาร และหลายรายก็พึ่งตลาดมืด หรือช่องทางอื่นที่โขกดอกเบี้ยรายปี ไปราวๆ 20 เปอร์เซ็นต์

ในขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยข้อมูลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ระบุ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค ในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ไต่ขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2552 เป็นต้นมา

อนึ่ง นโยบายการลดภาษีของรัฐบาลกลาง เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่กลุ่มนักวิชาการออกมาแสดงมุมมองเชิงลบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของจีน โดยระบุว่า จีนกำลังใกล้จะลื่นล้มลงในภาวะเศรษฐกิจหดตัว โดยไฟแนนซ์ นิวส์ หนังสือพิมพ์ภายใต้กำกับของธนาคารกลางจีน ตีพิมพ์บทความชิ้นหนึ่งที่อ้าง ข้อมูลจากสมาคมการเงินเขตเมือง ประเทศจีน (China Urban Financial Society) ระบุว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืดนั้นรุนแรงกว่าที่คาดการณ์กันไว้

ในขณะที่สังคมจีนต่างก็คาดการณ์กันว่า เร็วๆ นี้ ธนาคารกลางจะหั่นอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลังจากที่หั่นไปแล้วในเดือนพ.ย. ปลายปีที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ นายเจียนกวง เฉิน นักเศรษฐศาสตร์ด้านจีนประจำมิซูโฮะ ซีเคียวริตี้ส์ เอเชีย จำกัด (Mizuho Securities Co., Ltd.) ธนาคารเพื่อการลงทุนและตราสารหนี้ สัญชาติญี่ปุ่น แสดงความเห็นไว้ว่า ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั้งจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์นำเข้าที่ต่ำลง กำลังซื้อในประเทศที่อ่อนตัวลง และศักยภาพการผลิตที่ล้นตลาด แสดงให้เห็นสภาวะเงินฝืดอย่างชัดเจน