เอเจนซี- รัฐบาลจีนเอาใจเจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานองค์กรรัฐรับปีใหม่ ปรับขึ้นเงินเดือนให้ถ้วนหน้า 2-3 เท่า ด้านผู้เชี่ยวชาญหวั่น เป็นการเพิ่มเงินเดือนโดยปรับลดเงินพิเศษอย่างอื่น แถมแต่นี้ไป เจ้าหน้าที่รัฐจีนต้องเริ่มจ่ายสมทบเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญด้วย ดังนั้นที่ว่าให้มากจึงอาจเป็นเพียงตัวเลข!
จีนฉลองปีใหม่ให้เจ้าหน้าที่พลเรือนและพนักงานวิสาหกิจรัฐ ด้วยการขึ้นค่าจ้างและเงินเดือน ให้ถ้วนหน้า ไชน่า เดลี รายงานอ้างประกาศจากกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคม
เจ้าหน้าที่รัฐพลเรือนที่อยู่ในฐานเงินเดือนขั้นต่ำสุดของจีน ได้รับเพิ่มจาก 340 หยวน ( ประมาณ 1,700 บาท) เป็น 510 หยวน (ประมาณ 2,550 บาท) โดยบางกลุ่มได้เพิ่ม 2 เท่า บางกลุ่มก็ได้เพิ่มเกือบ 3 เท่า อีคะนอมมิค ออปเซอร์เวอร์ (economic observer) ระบุ
ส่วนกลุ่มผู้นำระดับชาติหรือผู้นำสูงสุดของประเทศ ได้แก่ คณะกรรมการประจำกรมการเมือง หรือโบลิตปูโรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 7 คน รวมทั้งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้รับเพิ่มกว่า 62 เปอร์เซ็นต์ จาก 7,020 หยวน หรือราว 35,100 บาท เป็น 11,385 หยวน หรือราว 56,925 บาท
นอกจากนี้ การขึ้นเงินเดือนครั้งนี้ยังครอบคลุมพนักงานในองค์กรสาธารณประโยชน์ อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียน รวมไปถึงบุคลากรที่เกษียณอายุจากองค์กรเหล่านี้ และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐด้วย นายหู เสี่ยวอี้ว์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ฯ ระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.)
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การขึ้นเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานองค์กรเป็นสิ่งจำเป็น เพราะค่าแรงต่ำทำให้เจ้าหน้าที่ลาออกกันไปมาก
ทั้งนี้ เงินเดือนที่ต้องเสียภาษีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ เจ้าหน้าที่รัฐยังได้รับค่าเลี้ยงดูอื่นๆ ได้แก่ ค่าบ้าน ค่าอาหาร เบี้ยเลี้ยงอื่นๆ ที่ไม่มีการระบุชัดเจน รวมทั้งค่าตำแหน่งอีกด้วย ไชน่าเดลี รายงาน
ในอีกด้านหนึ่ง การขึ้นเงินเดือนยกแผ่นดินครั้งนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า เจ้าหน้าที่รัฐจีนอาจได้ขึ้นแค่ตัวเลขเพราะกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ฯ ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วว่า เจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานองค์กร สถาบันต่างๆ จะต้องเริ่มจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญร่วมกับต้นสังกัด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐเป็นผู้จัดสวัสดิการทั้งหมดให้
ในขณะที่นายหู ก็ยอมรับว่า การขึ้นเงินเดือนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการปฏิรูประบบบำนาญของรัฐไปเมื่อเดือนต.ค. ที่ผ่านมา (2557)
ศาสตราจารย์หลิว เสวียเถา สำนักบัณฑิตยสภาด้านการปกครองบริหาร (Chinese Academy of Governance) กล่าวว่า หากพิจารณาจากการปฏิรูประบบบำนาญแล้ว เงินที่ขึ้นให้ถือว่าน้อยกว่าตัวเลขที่ประกาศไว้
“ในอดีต ข้าราชการจีนได้รับสิทธิประโยชน์หลายอย่าง เงินเดือนน้อยก็จริง แต่เงินค่าเลี้ยงดูอย่างอื่นก็สูง มีทั้งเบี้ยเลี้ยง ทั้งโบนัส แต่หลังรัฐบาลออกนโยบายปราบปรามการทุจริต ก็มีการตัดสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมพวกนี้ และทำระบบให้โปร่งใสขึ้น”
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์หลิวเห็นว่า การปรับเงินเดือนควรผ่านการกลั่นกรองและตัดสินใจจากสภาผู้แทนประชาชนหรือรัฐสภาของจีน มิใช่ผ่านทางคณะมุขมนตรี เพราะ”ดูเหมือนว่า ใครบางคนกำลังปรับเงินเดือนขึ้นให้ตัวเอง” นายหลิวย้ำ
จากตัวเลขเงินเดือนของผู้นำแต่ละประเทศ พบว่า เงินเดือนของประธานาธิบดีจีนนั้น เเทบจะเทียบไม่ติดกับผู้นำคนอื่นๆ อาทิ นายกรัฐมนตรีอินเดียคนก่อน มันโมหัน สิงห์ได้รับเงินเดือน 2,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 83,200 บาท) แถมยังมีสต๊าฟส่วนตัว ได้ค่าเช่าบ้าน และมีเครื่องบินส่วนตัว ส่วนนายลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ได้มากถึงเดือนละ 1.64 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 52,480,000 บาท) มากที่สุดในโลกในบรรดาเงินเดือนผู้นำประเทศ