xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัยแดนมังกรหวัง “ซุปสมุนไพรจีน” ช่วยรักษาและป้องกันโรคอัลไซเมอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซุปสมุนไพรจีน (ภาพ เอเจนซี)
เอเจนซี - เมื่อจีนเตรียมเขยิบเป็นอาณาจักรคนชราในอีกไม่ช้า และโรค “อัลไซเมอร์” อาจเป็นม้ามืดที่สร้างปัญหานานับประการต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ทีมนักวิทยาศาสตร์จึงไม่รั้งรอเร่งเครื่องหาหนทางรักษาและป้องกัน เน้นดี ปลอดภัย ราคาถูก!

คณะนักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันชีวเคมีและชีววิทยาเซลล์ (Institute of Biochemistry and Cell Biology) สังกัดสำนักวิชาวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ได้เปิดเผยบทความการศึกษาคุณประโยชน์ของ “ซุปยาจีน” ที่มีต่อการบำบัดรักษาโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer's) หรือภาวะสมองเสื่อมในมนุษย์ ผ่านเว็บไซต์พลอสวัน (PlosOne.org) วารสารวิทยาศาสตร์ออนไลน์ ฉบับเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ซุปยาจีนที่ถูกนำมาใช้วิจัยนั้นประกอบด้วยสมุนไพรตามตำรับยาแพทย์แผนจีนโบราณ 3 ชนิด ได้แก่ สือชังผู (石菖蒲 - rhizoma acori tatarinowii), ฝูเสิน (茯神 - poria cum radix pini) และหย่วนจื้อ (远志 - radix polygalae) โดยดำเนินการทดลองกับหนูที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมรับโรคอัลไซเมอร์เข้าสู่ร่างกาย

ภายหลังจากการป้อนซุปยาจีนแก่หนูทดลองเพียง 6 วัน พวกมันเริ่มแสดงพัฒนาการในทางที่ดี โดยสามารถค้นพบตำแหน่งของจุดหมาย (hidden platform) และสำรวจวัตถุที่พบเจอใหม่ได้นานกว่าตอนก่อนรับซุปยาจีน ซึ่งนักวิจัยชี้ว่าเป็นข้อพิสูจน์การฟื้นฟูความทรงจำที่สูญเสียไป

นักวิจัยเชื่อว่าสารเคมีในหย่วนจื้อได้ยับยั้งการเติบโตของอะเบตาหรือแอมีลอยด์ เบตา (amyloid-beta) โมเลกุลโปรตีนที่เป็นองค์ประกอบหลักของโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายเส้นประสาทและส่งผลกระทบต่อการทำงานขั้นพื้นฐานของสมอง ส่วนสือชังผูและฝูเสินก็ช่วยปกป้องเส้นประสาทในสมองให้รอดพ้นจากอันตรายของอะเบตา

รองศาสตราจารย์ ดร.เจ้า เจียน หนึ่งในนักวิจัยที่ร่วมเขียนบทความกล่าวเสริมว่า การทดสอบเบื้องต้นในมนุษย์ก็บ่งชี้สัญญาณที่น่าสนใจ หลังจากร่วมมือกับโรงพยาบาลท้องถิ่นเซี่ยงไฮ้ เฝ้าติดตามอาการของผู้ป่วยอาสาสมัครที่ดื่มซุปยาจีน และพยายามถอดรหัสกลไกทางเคมีของสารเคมีต่างๆ มานานกว่าสองปี

ดร.เจ้า เน้นย้ำว่าเป้าหมายของการวิจัยซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสถาบันวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ รวมถึงหน่วยงานรัฐอื่นๆ คือการเสาะหาวิธีต่อสู้และป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในราคาถูกแต่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง

“ซุปยาจีนถือเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองมากที่สุด เพราะผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้จริงและราคาที่คนธรรมดาหาซื้อได้อย่างไม่ลำบากเงินในกระเป๋า”

“พัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์กินเวลานาน ผู้ป่วยบางรายกว่าจะแสดงอาการชัดเจนก็ผ่านไปเกือบ 20 ปีแล้ว ซึ่งจากการทดลองเผยว่าหากให้ซุปยาจีนก่อนโรคพัฒนาตัวเต็มที่นั้นจะเกิดผลดี ฉะนั้นรู้เร็ว รักษาเร็ว ย่อมดีกว่า”

อย่างไรก็ดี ดร.เจ้าเตือนว่าการวิจัยยังคงอยู่บนบันไดขั้นแรก โดยแม้ทั้งหมดจะใช้แต่สมุนไพร ทว่าก็ต้องอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ขอให้อดใจรอผลการศึกษาในอนาคตที่ยืนยันความปลอดภัยแน่นอนเสียก่อน

ด้านดร.จง เจี้ยน แพทย์แผนจีนในมณฑลกวางตุ้ง กล่าวว่า การใช้ซุปยาจีนรักษาคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับสมองอย่างอัลไซเมอร์นั้นปรากฏมาหลายร้อยปีแล้ว โดยมีการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน “กู่จินอีเจี้ยน” (古今医鉴) ตำราแพทย์แผนจีนอันโด่งดังที่ตีพิมพ์เมื่อพ.ศ. 2119

“แพทย์แผนจีนโบราณมีสูตรการรักษามากมายที่หยั่งผลลัพธ์น่าพึงพอใจ แต่ด้วยอุปสรรคในการอธิบายทางภาษาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ทำให้มันไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับจากแพทย์แผนตะวันตกเท่าไรนัก” ดร.จงกล่าว

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุให้โรคอัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในภัยคุกคามยิ่งใหญ่ที่สุด ที่บั่นทอนกระบวนการรับรู้ ความสามารถทางการพูด และความทรงจำของมนุษย์วัยชรา โดยปัจจุบันพบผู้ป่วยราว 30 ล้านคนทั่วโลก และคาดว่าตัวเลขจะดีดขึ้นเท่าตัวในทุก 20 ปีข้างหน้า

ขณะที่จีนเองก็กำลังก้าวสู่ “สังคมคนชรา” โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเผยว่า จีนมีจำนวนประชากรอายุเกิน 60 ปี กว่า 194 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 14 ของคนทั้งประเทศ ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ประเมินว่าภายในปี 2593 คนเฒ่าคนแก่จะครองสัดส่วนร้อยละ 30 ของประชากรจีนทั้งหมด

นี้จึงอาจเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนเร่งคิดหาวิธีบำบัดและป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งรักษาไม่หายและสร้างภาระแก่ผู้ดูแลหลายด้าน โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ที่โรคนี้นับเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ ก่อให้ค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจและสังคมมากที่สุด

กำลังโหลดความคิดเห็น