เอเอฟพี/รอยเตอร์ส - สถานการณ์การเมืองมาเก๊าเริ่มร้อนแรง หลังตำรวจบุกรวบตัวนักรณรงค์ประชาธิปไตยท้องถิ่น ชี้การทำประชามติการเลือกตั้งพ่อเมืองมาเก๊า “ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล”
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน (25 ส.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเก๊าได้จับกุมพลเมืองท้องถิ่น 5 ราย ในข้อหาละเมิดกฎหมายคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล หลังจากพวกเขาซึ่งเป็นนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยและสมาชิกกลุ่ม นิว มาเก๊า (New Macau Association) เพิกเฉยเสียงคัดค้านจากแผ่นดินใหญ่ และจัดทำประชามติเกี่ยวกับการเลือกตั้งหัวหน้าคณะบริหารเขตปกครองพิเศษแห่งมาเก๊าอย่างไม่เป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เจสัน เชา หรือโจว ถิงซี วัย 28 ปี ประธานนิว มาเก๊า องค์กรที่เรียกร้องประชาธิปไตยแก่อดีตอาณานิคมโปรตุเกสแห่งนี้ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถูกจับกุมและโดนตั้งข้อหา “ไม่เคารพคำสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ” กล่าวว่า “เหล่าอาสาสมัครตกเป็นเหยื่อการคุกคามของตำรวจ มีสี่คนถูกควบคุมตัวออกไปหลังเปิดการลงประชามติในช่วงเช้าได้เพียงไม่นาน”
“เจ้าหน้าที่ทางการพยายามใช้ทุกวิถีทางเข้าขัดขวาง … ผมไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลต้องเพ่งเล็งกิจกรรมที่ดำเนินไปอย่างสงบสันตินี้ด้วย มันรุกรานสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมาก”
“เป้าหมายของเราคือการต่อสู้เพื่อระบบการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย และการทำให้ประชาชนตระหนักถึงมันก็นับเป็นภารกิจแรก เราหวังว่าการทำประชามติจะเป็นรากฐานสำคัญนำไปสู่ประชาธิปไตยอันสมบูรณ์ในอนาคต” เจสันกล่าวกับเอเอฟพี
ขณะเดียวกันตำรวจยังสั่งปิดจุดออกเสียงประชามติ ซึ่งคณะผู้ประสานงานเตรียมเครื่องแท็บเล็ตไว้สำหรับลงคะแนนโหวตว่า “ผู้นำมาเก๊าคนใหม่ควรถูกเลือกตั้งในปี 2562 ด้วยวิธีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยสากลหรือไม่”
เดิมทีการทำประชามติจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์ (31 ส.ค.) ซึ่งตรงกับวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง 400 ที่นั่ง จะเสนอชื่อผู้นำคนใหม่แทนนายเฟอร์นันโด ชุย พ่อเมืองคนปัจจุบัน แต่ประชาชนบางส่วนก็กังขาความซื่อตรงของวิธีปฏิบัติดังกล่าว เนื่องจากคณะกรรมการแทบทั้งหมดเป็นกลุ่มที่ภักดีต่อปักกิ่ง โดยความไม่มั่นใจนี้กำลังปะทุบนเกาะฮ่องกงเช่นเดียวกัน
บิล โชว รองประธานนิว มาเก๊า สำทับว่า มาตรการลงโทษที่ทางการจีนกระทำนั้นไม่มีความจำเป็นและแสดงถึงความยโสโอหัง ทำให้ผู้ออกเสียงประชามติต่างรู้สึกไม่พอใจกันหมด”
“เราขออนุญาตเก็บหมายเลขบัตรประชาชนและข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ จากทุกคนก่อนแล้วไม่มีเหตุผลที่ตำรวจและผู้บังคับใช้กฎหมายจะมาแทรกแซงและจับกุมอาสาสมัคร” โดยบิลเผยว่า ตัวเลขผู้ออกเสียงฯ จนถึงเช้าวันนี้รวมอยู่ที่ 4,700 คน
อย่างไรก็ดี ทางการได้ปล่อยตัวเจสันและอาสาสมัครทั้งสี่คนเป็นอิสระแล้ว
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของชาวมาเก๊าและชาวฮ่องกง พิสูจน์ให้เห็นความท้าทายอำนาจปกครองในมือผู้นำจีน โดยก่อนหน้านี้ในเดือน มิ.ย. ปักกิ่งกล่าวหาการทำประชามติของชาวฮ่องกงกว่า 790,000 คน ที่ร่วมออกเสียงในประเด็นที่มาและการสรรหาผู้นำคนใหม่ของเกาะเป็น “สิ่งผิดกฎหมายและไม่อยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง” นำไปสู่คำขู่ปิดเมืองของกลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล (Occupy Central) ที่เป็นผู้จัดทำประชามติ และการชุมนุมต้านคำขู่ดังกล่าวของขั้วตรงข้ามกลุ่มพันธมิตรเพื่อสันติและประชาธิปไตย (Alliance for Peace and Democracy) ในเดือนก่อน
ด้านมาเก๊าที่จัดเป็นน้องใหม่บนสนามเรียกร้องประชาธิปไตย ก็มีการเดินขบวนประท้วงของประชาชนราว 20,000 คน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ไม่พอใจการเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่เกี่ยวกับการจ่ายเงินก้อนโตให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ปลดเกษียณจากตำแหน่งงานไปแล้วของรัฐบาลท้องถิ่น