เอเจนซี - สืบเนื่องจากเทปลับของดรากอน ทีวี สื่อโทรทัศน์จีน ที่เผยภาพต้องสงสัยของกระบวนการผลิตวัตถุดิบเนื้อสัตว์ในโรงงานเซี่ยงไฮ้ หูสี่ ฟู้ด ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของ โอเอสไอ กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่วงการแปรรูปอาหารจากสหรัฐฯ นำไปสู่ข่าวคาวสั่นสะเทือนตลาดฟาสต์ฟู้ดแดนมังกร ที่ร้านค้าหลายแห่งไม่ว่าจะสตาร์บัคส์ แม็คโดนัลด์ เคเอฟซี พิซซ่าฮัท เซเว่น อีเลฟเว่น ฯลฯ ต่างเป็นลูกค้าซื้อวัตถุดิบจากแหล่งผลิตฉาวโฉ่นี้
รายงานข่าวล่าสุด (25 ก.ค.) ระบุว่า ร้านแม็คโดนัลด์จะยังใช้เนื้อสัตว์จากโรงงานผลิตของโอเอสไอ (OSI Group) ต่อไป โดยสับเปลี่ยนไปรับจากโรงงานเหอหนัน หูสี่ (Henan Husi) ในมณฑลเหอหนันแทนโรงงานเซี่ยงไฮ้ หูสี่ ฟู้ด ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมความปลอดภัยในอาหารสั่งปิดสายพานการผลิต หลังเกิดข้อครหาจัดจำหน่ายเนื้อวัวและเนื้อไก่หมดอายุให้กับร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดังหลายแห่งในจีน
“สำหรับเราแล้ว มันอาจเสี่ยงยิ่งขึ้นที่จะไปรับวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายอื่นๆ ในท้องถิ่น” ไชน่า บิสสิเนส นิวส์ สื่อจีน อ้างแหล่งข่าววงในจากแม็คโดนัลด์
“นอกจากนั้นทางโอเอสไอก็ให้คำมั่นสัญญาเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์กับเราแล้ว”
โดยเบื้องต้นแม็คฯ จะซื้อเนื้อสัตว์จากโรงงานผลิตแห่งที่สามของหูสี่ในมณฑลเหอเป่ยเป็นการชั่วคราว ก่อนท้ายที่สุดจะย้ายสายซัพพลายเออร์ทั้งหมดไปยังโรงงานผลิตในเหอหนัน
ด้านนายเชลดอน ลาวิน หัวหน้าผู้บริหารโอเอสไอ กล่าวว่า โรงงานในเหอหนันถือเป็น “โรงงานผลิตและแปรรูปที่ล้ำยุคทันสมัยใหม่ล่าสุด” ซึ่งสะท้อน “ความมั่นใจและความรับผิดชอบ” ของโอเอสไอในจีน โดยการตรวจสอบโรงงานเหอหนัน หูสี่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเมื่อวันจันทร์ (21 ก.ค.) ที่ผ่านมา ทีมเจ้าหน้าที่ไม่พบปัญหาใดๆ ของกระบวนการผลิตในโรงงาน
อย่างไรก็ดี คู่แข่งคนสำคัญของแม็คฯ อย่าง ยัม แบรนด์ส (Yum Brands) บริษัทแม่ของเคเอฟซี และพิซซ่าฮัท กลับเลือกตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับโอเอสไอทั้งหมด ซึ่งบางส่วนมองว่าอาจเพราะโอเอสไอไม่ใช่ซัพพลายเออร์หลักที่ป้อนวัตถุดิบให้กับทั้งสองแบรนด์ดังกล่าว
ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์มองภาพระยะยาวว่า ด้วยความร่วมมือขนานใหญ่ระหว่างยักษ์ใหญ่วงการฟาสต์ฟู้ดกับกับโอเอสไอ เป็นปัจจัยที่ทำให้แม็คโดนัลด์เลือกยุติความสัมพันธ์ทางการค้ากับหุ้นส่วนรายนี้ซึ่งดำเนินมายาวนานได้ยาก
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า น้อยคนนักจะทราบว่า โอเอสไอ กรุ๊ป ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ทำงานร่วมกับแม็คฯ มานานเกือบ 60 ปีแล้ว โดยถือเป็นหุ้นส่วนอันดับแรกของแม็คฯ เมื่อครั้งเข้าไปบุกเบิกธุรกิจฟาสต์ฟู้ดบนแผ่นดินจีน
แม็คโดนัลด์ ซึ่งเปิดสาขาแรกบนเกาะฮ่องกงเมื่อปี 1975 และสาขาแรกบนจีนแผ่นดินใหญ่ที่นครเซินเจิ้น มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ ในปี 2533 ขณะที่โอเอสไอเข้าสู่ตลาดจีนในปี 2534 และเริ่มเป็นผู้จัดส่งเนื้อสัตว์ให้แม็คฯ ในปี 2535
จากรายงานของสื่อเมื่อราวสองปีก่อนระบุว่า แม็คโดนัลด์มีซัพพลายเออร์จัดส่งวัตถุดิบขนมปัง เนื้อสัตว์ มันฝรั่งทอด และพืชผักอื่นๆ อยู่ 5 แห่งในจีน โดยโอเอสไอ และคีย์สโตน ฟู้ดส์ (Keystone Foods) เป็นซัพพลายเออร์เนื้อสัตว์รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ ซัพพลายเออร์ทั้งหมดล้วนมีฐานหรือเป็นเจ้าของโดยผู้ประกอบการในสหรัฐฯ
ไชน่า บิสสิเนส นิวส์ เสริมว่า ปี 2555 โอเอสไอได้ผูกขาดการจัดส่งเนื้อสัตว์ให้กับแม็คฯ 400 สาขาทางจีนตอนเหนือ ขณะที่สาขาในจีนตอนใต้ได้รับการดูแลโดยคีย์สโตน
“เราไม่ได้มีซัพพลายเออร์อยู่ทุกที่ และไม่ใช่ทุกซัพพลายเออร์จะสามารถตอบโจทย์ของแม็คฯ ได้หมด” แหล่งข่าววงในแม็คฯ บอกกับไชน่า บิสสิเนส นิวส์
“ความสำเร็จในการสร้างสมดุลผลประโยชน์ระหว่างแม็คฯ ซัพพลายเออร์ และพนักงาน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับบริษัท ดังนั้น เราไม่คิดทอดทิ้งหุ้นส่วนคนสำคัญแม้ในยามวิกฤตเช่นนี้”
อย่างไรก็ดีคืนก่อนหน้านี้ แม็คโดนัลด์ในฮ่องกงได้สั่งระงับการจำหน่ายเมนูยอดนิยมอย่างนักเก็ตไก่ หลังจากยอมรับว่าได้นำเข้าเนื้อไก่และเนื้อหมูจากโรงงานหูสี่ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเรื่องอื้อฉาวอยู่ในเวลานี้