เอเจนซี - คณะโปลิตบูโรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนสั่งปลด “เสือคอร์รัปชั่น” 4 ราย พ้นตำแหน่งในวันเดียวกัน เซ่นกรณีทุจริตรับสินบนอื้อฉาว หลายฝ่ายคาดอาจเตรียมปิดฉากมหากาพย์คอร์รัปชั่นสุดอื้อฉาวของโจว หย่งคัง ในไม่ช้านี้
สำนักข่าวซินหวารายงาน (1 ก.ค.) คำแถลงของคณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโร ระบุคำสั่งปลด สีว์ ไฉโฮ่ว อดีตนายทหารใหญ่หมายเลขสองแห่งกองทัพจีน (PLA) พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ในพรรคคอมมิวนิสต์ หลังทางการประกาศการไต่สวนข้อกล่าวหาว่าด้วยการคอร์รัปชั่นและรับสินบนมูลค่ามหาศาล
สีว์ วัย 71 ปี ที่เกษียณจากตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการการการทหารส่วนกลางเมื่อปีก่อน และออกจากคณะโปลิตบูโรของพรรคฯ ในปี 2555 กลายเป็น “เสือ” ตัวล่าสุด ที่โดนเชือดเฉือนตามนโยบายต่อต้านทุจริตของพญามังกรสี จิ้นผิง
สื่อทางการจีนกล่าวว่า ที่ประชุมคณะโปลิตบูโร ซึ่งสีนั่งเป็นประธานในวานนี้ ได้อ่านรายงานการสอบสวนความผิดและตัดสินใจขับสีว์พ้นจากพรรคฯ โดยยังมีการปลดเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจอีกสามรายเพราะข้อกล่าวหาเดียวกัน อันได้แก่ นายหวัง หย่งชุน อดีตรองผู้จัดการทั่วไปของซีเอ็นพีซี (CNPC) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ในจีน, นายหลี่ ตงเซิง อดีตรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ และนายเจียง เจี๋ยหมิ่น อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการดูแลและจัดการทรัพย์สินของรัฐ
เป็นที่เชื่อโดยทั่วกันว่า การไล่เอาผิดสีว์และเจ้าหน้าที่ทั้งสาม อาจมีผลเชื่อมโยงถึงตัวการใหญ่ โจว หย่งคัง อดีตบิ๊กด้านความมั่นคง ที่เวลานี้รอรับชะตากรรมสุดท้ายของตัวเองอยู่ในที่คุมขัง และนายปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคฯ มหานครฉงชิ่ง ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตก่อนหน้านี้
“กรณีของสีว์นั้นร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง” ซินหวาอ้างคำคณะโปลิตบูโรฯ
“ไม่ว่าตำแหน่งอำนาจใหญ่โตเพียงไร หากฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบวินัยพรรคฯ ก็ต้องรับโทษขั้นเด็ดขาด ไม่มีโอนอ่อนผ่อนปรนหรือเมตตาปราณี”
“กองทัพมิใช่สถานที่ให้คนทำผิดมาหลบซ่อนตัวได้”
ทั้งนี้ การสืบสาวเอาผิดเสือตัวใหม่ล่าสุดเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. พบว่าสีว์รับสินบนจำนวนมหาศาลผ่านคนในครอบครัว เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ภายในกองทัพ โดยพบเขาปรากฏตัวในต่อสาธารณะครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ก่อนถูกตำรวจพร้อมอาวุธนับสิบนายกรูเข้าจับกุมตัวในโรงพยาบาลทหาร 301 ของกรุงปักกิ่ง
วงสนทนาในหมู่นายทหารเล่าว่า สีว์และครอบครัวเรียกรับเงินมากกว่า 35 ล้านหยวน (ราว 175 ล้านบาท) จาก กู่ จวิ้นซาน อดีตรองหัวหน้าฝ่ายโลจิสติกส์ของกองทัพ โดยกู่ถูกรวบตัวไปแล้วในเดือน มี.ค. จากความผิดอาชญากรรมหลายกระทง รวมถึงสินบนและการยักยอกเงิน
ด้านแหล่งข่าววงในกองทัพเผยว่า หน่วยปราบทุจริตได้ติดตามพฤติกรรมอันมิชอบของสีว์มานานนับปี ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนก็สนับสนุนให้ประธานาธิบดีจีนลงโทษขั้นสูงสุดหรือประหารชีวิตแก่สีว์อีกด้วย
“สีว์นับเป็นเสือตัวใหญ่สุด ถ้าประธานาธิบดีอยากสร้างความเคารพยำเกรงในกองทัพ ก็ต้องฟาดฟันเสือตัวนี้ล้มลงให้ได้” นายทหารยศพันเอกผู้หนึ่ง กล่าวอ้างถึงการขจัดทุจริตในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐระดับบน (เสือ) และล่าง (แมลงวัน) นิยามเฉพาะตามคำมั่นสัญญาของสีที่จะล้างบางเครือข่ายสกปรก
คำแถลงวานนี้ยังได้ยุติการรอคอยหลายเดือนของผู้ที่สนใจว่าทางการจีนจะจัดการกับเรื่องอื้อฉาวของสีว์อย่างไร ทั้งชี้ให้เห็นว่าพรรคฯ อาจเตรียมปิดฉากกระบวนการสอบสวนความผิดของโจว หย่งคัง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปีก่อนในไม่ช้า
“เมื่อคนสนิมชิดเชื้อของโจวถูกสอยร่วงรายต่อราย ทัพปราบทุจริตก็เดินไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อตะครุบเสือตัวใหญ่ให้ได้” จัง หลี่ฟ่าน นักวิเคราะห์การเมืองจากนครปักกิ่งกล่าว “น่าจะมีการลงดาบครั้งสำคัญเกี่ยวกับคดีของโจวในการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในปีนี้”
โจเซฟ เจิ้ง อี่ว์ซั่ว ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยซิตี้ของฮ่องกง มองว่า “ประธานาธิบดีจีนกำลังใช้คดีของสีว์พิสูจน์ว่าปฏิบัติการกำจัดคอร์รัปชั่นเป็นไปอย่างแน่วแน่มั่นคงและมีความน่าเชื่อถือ”
อนึ่ง ประวัติเบื้องต้นของสีว์ เขามีต้นกำเนิดจากครอบครัวในพื้นที่ชนบทใกล้กับเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสีว์เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายการเมืองของกองทัพในมณฑลจี๋หลิน และโยกย้ายเข้าเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลางในปี 2542 ก่อนจะขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตราชการที่ตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการฯ ในปี 2547
พญามังกรเตือนคนในกองทัพ “ซื่อสัตย์และภักดี” ต่อพรรคคอมมิวนิสต์
ภายหลังกระแสข่าวพรรคคอมมิวนิสต์ลงดาบกับ สีว์ ไฉโฮ่ว ได้แพร่สะพัดไปทั่วแดน และเกิดเสียงซุบซิบในหมู่เจ้าหน้าที่ ทำให้พีแอลเอ เดลี (PLA Daily) กระบอกเสียงกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ออกบทความในหน้าแรกหนังสือพิมพ์ฉบับวันอังคารที่ผ่านมา เรียกร้อง “ความเป็นหนึ่งเดียวและความจงรักภักดี”
“คนของกองทัพควรสนับสนุนการตัดสินใจอันถูกต้องของศูนย์กลางพรรคฯ ... คณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง และท่านประธานสี” บทความที่เผยแพร่ในวันที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก้าวเดินมาครบ 93 ปี (1 ก.ค.) ระบุ
“เรา (กองทัพ) เป็นพละกำลังที่ปฏิบัติภารกิจการเมืองเพื่อพรรคฯ และประเทศชาติ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะถือปืนและยืนปกป้องคนผิดให้มีที่หลบซ่อนตัว ... ความซื่อสัตย์ ความบริสุทธิ์ และความน่าเชื่อถือ เป็นสิ่งที่พรรคฯ คาดหวังจากเรา”
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งกุมอำนาจประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง (CMC) หน่วยงานกำกับดูแลกองทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 2.3 ล้านคนด้วยนั้น พยายามถอนรากถอนโคนปัญหาคอร์รัปชั่น และปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพของกองทัพให้ทันสมัย เพื่อพร้อมรับมือเหตุไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้จากความขัดแย้งในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้
อย่างไรก็ดี แม้กองทัพจีนจะเข้มงวดกวดขันมากขึ้นมาตั้งแต่ปลายทศวรรษ 90 โดยสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ยุ่งเกี่ยวการทำธุรกิจ แต่หลายปีที่ผ่านมาก็พบปัญหาเดิมๆ งอกเงยเพิ่มมา เนื่องจากขาดแคลนกระบวนการตรวจสอบที่จริงจัง ดังเช่น การซื้อ-ขายตำแหน่ง ก็ยังเป็น “ความลับอันโจ่งแจ้ง” ที่แม้แต่สื่อในจีนก็ไม่กล้าแตะต้องมากนัก หรือการนำที่ดินของกองทัพไปปล่อยเช่าทำกำไร การจำหน่ายป้ายทะเบียนรถที่ใช้เฉพาะกองทัพแก่คนทั่วไป การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของกองทัพอย่างผิดกฎหมาย เป็นต้น