(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)
Former Zhou aide Guo in graft probe
By Caixin Online
11/04/2014
สำนักงานอัยการสูงสุดของจีนกำลังดำเนินการสอบสวนในคดีอาญาต่อ กัว หย่งเสียง อดีตรองผู้ว่าการมณฑลเสฉวน หลังจากที่เขาถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กัว นั้นเคยเป็นเลขานุการของ โจว หย่งคัง อดีตบิ๊กบอสผู้ควบคุมดูแลกิจการความมั่นคงสาธารณะ (สันติบาล) ของแดนมังกร ซึ่งเวลานี้เกษียณอายุแล้ว โดยที่มีรายงานว่า ในระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา มีผู้คนที่สัมพันธ์โยงใยอยู่กับ โจว มากกว่า 300 คนแล้วที่ถูกจับกุมคุมขังหรือถูกสอบสวนซักถาม รวมทั้งมีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องถูกทางการยึดไว้รวมเป็นมูลค่าถึง 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปักกิ่ง – สำนักงานอัยการสูงสุดของประเทศแถลงในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาว่า กำลังเริ่มต้นดำเนินการสอบสวนความผิดทางอาญาต่ออดีตรองผู้ว่าการมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ผู้หนึ่ง ซึ่งต้องสงสัยว่าทุจริตรับสินบน ทั้งนี้ตามรายงานของเว็บไซต์ไฉซินออนไลน์ (www.caixin.com)
ทางด้านคณะกรรมการตรวจสอบวินัย แห่งคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็บอกว่า กัว หย่งเสียง (Guo Yongxiang) ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการของมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนแห่งนี้ในช่วงระหว่างปี 2006 จนถึง 2008 ได้ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคในวันเดียวกันนั้นเอง โดยที่ทางหน่วยงานสำคัญที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการต่อสู้ปราบปรามคอร์รัปชั่นแห่งนี้ ได้เริ่มการสอบสวน กัว มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
[นอกจากนี้ ทางการผู้รับผิดชอบของจีนยังได้ยึดทรัพย์สินเป็นมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากพวกสมาชิกในครอบครัวและพวกลูกน้องบริวารของ โจว ผู้ซึ่งกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของกรณีอื้อฉาวทุจริตคอร์รัปชั่นรายใหญ่ที่สุดของจีนในรอบระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษเมื่อเดือนที่แล้ว ดูรายละเอียดได้ที่เว็บเพจ http://www.theguardian.com/world/2014/mar/30/china-assets-us145bn-former-security-chief ]
ความเคลื่อนไหวคราวนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ ซึ่ง สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่ของพรรคได้ประกาศออกมาในเดือนมกราคม 2013 การรณรงค์คราวนี้ ทางมณฑลเสฉวนตกเป็นเป้าหมายสำคัญมาก โดยที่มีการจับกุมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส, พวกผู้บริหารของบริษัทรัฐวิสาหกิจ, ตลอดจนพวกนักธุรกิจทรงอิทธิพลในมณฑลนี้ไปเป็นจำนวนมาก
คณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ ระบุไว้ในเว็บไซต์ของตนว่า กัว ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนไปในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และได้รับสินบนอย่างมหาศาลทั้งด้วยตัวของเขาเอง และโดยผ่านบุตรชายของเขา กัว ยังถูกกล่าวหาว่ามีความประพฤติที่ผิดศีลธรรม ซึ่งปกติแล้วเป็นถ้อยคำที่หมายถึงการมีอนุภรรยา
คดีของกัว ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองผู้ว่าการหรือสูงกว่า ของมณฑลเสฉวนรายที่ 2 ซึ่งถูกส่งตัวไปให้สำนักงานอัยการประชาชนสูงสุด ทำการสอบสวนเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา โดยที่รายแรกได้แก่ หลี่ ชุนเฉิง (Li Chuncheng) อดีตรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามณฑลเสฉวน
กัว ซึ่งปัจจุบันอายุ 68 ปี ได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าการเสฉวนในเดือนมกราคม 2006 ต่อมาในปี 2008 หลังพ้นตำแหน่งนี้แล้ว เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ระดับอาวุโสในสภาผู้แทนประชาชนของมณฑล จากนั้นจึงเกษียณอายุในปี 2009 แต่ภายหลังต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานของสหพันธ์ชมรมวรรณกรรมและศิลปะแห่งเสฉวน (Sichuan Federation of Literary and Art Circles) ซึ่งเป็นองค์กรนอกภาครัฐบาลของพวกนักเขียนและศิลปิน
ในช่วงต้นๆ แห่งอาชีพการงานของเขานั้น กัวอยู่ในอุตสาหรรมน้ำมัน โดยตั้งแต่ปี 1972 จนถึงปี 1998 เขาทำงานอยู่ในแหล่งน้ำมันเซิ่งลี่ (Shengli Oilfield) ซึ่งอยู่ในมณฑลซานตง ทางภาคตะวันออกของประเทศ และเป็นแหล่งน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแดนมังกร ในช่วงเวลานั้น เขาสังกัดอยู่กับบริษัทน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติของจีน (China National Petroleum Corp. ใช้อักษรย่อว่า CNPC) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
ในเดือนกรกฎาคม 1998 เขาเข้าเป็นเลขานุการของ โจว หย่งคัง (Zhou Yongkang) ที่ในตอนนั้นขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการของกระทรวงที่ดินและทรัพยากร (Ministry of Land and Resources) ซึ่งเพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ สำหรับ โจว เพิ่งเกษียณอายุเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยที่ตำแหน่งสุดท้ายของเขาคือ สมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) อันเป็นองค์กรตัดสินใจระดับสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จากปี 2007 จนถึง 2012 ซึ่ง โจว เป็นสมาชิกประจำของกรมการเมืองนี้ เขาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการการเมืองและกฎหมายส่วนกลางของพรรค (the party's Central Politics and Law Committee) ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นผู้ดูแลกิจการด้านความมั่นคงสาธารณะ (สันติบาล) ของประเทศ
ในเดือนมกราคม 2000 กัว ได้ติดตาม โจว ไปยังเสฉวน โดยที่เขายังทำงานทำงานเป็นเลขานุการให้แก่ โจว ในขณะที่ โจว เข้าดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขามณฑลแห่งนั้นจวบจนกระทั่งปลายปี 2002 เมื่อเขาถูกโยกย้ายกลับมายังปักกิ่ง เพื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ส่วนสำหรับ กัว นั้นยังคงอยู่ที่เสฉวน
กัว, และ หลี่ ชุนเฉิง, ตลอดจน หลี่ ฉงซี (Li Chongxi) อดีตประธานของสภาปรึกษาการเมืองของประชาชนจีนมณฑลเสฉวน (Sichuan's People's Political Consultative Conference) ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางการเมืองนั้น ถือกันว่าเป็นลูกน้อง 3 คนในเสฉวนซึ่ง โจว ให้ความสนิทสนมชื่นชอบ แหล่งข่าวหลายๆ รายบอกกับ ไฉซินออนไลน์ ทางคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางของพรรค ได้เริ่มการสอบสวน หลี่ ฉงซี เช่นกันเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
พวกเจ้าหน้าที่ในเสฉวนพูดถึง กัว ว่า เป็นผู้รอบรู้เจนจบในเรื่องวิธีที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าหน้าที่ทางการในประเทศจีน
“เขามีประสบการณ์มากมายในเรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ” เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเล่าให้ฟัง “เขามักจะยิ้มแย้มอยู่เสนอ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออะไรเล็กๆ น้อยเพื่อให้เป็นที่นิยมชมชอบ”
แหล่งข่าวจากรัฐบาลเสฉวนอีกรายหนึ่งบอกว่า กัว ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากพวกผู้นำระดับสูง ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ระดับต่ำกว่าก็มองเห็นเขาเป็นสะพานที่จะใช้เชื่อมโยงต่อติดกับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้น
นอกจากนั้น กัว ยังมีเส้นสายโยงใยอย่างกว้างขวางกับแวดวงธุรกิจ ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นรองผู้ว่าการเสฉวนนั้น เขาได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลโครงการทางด้านเกษตรกรรม, ป่าไม้ และทรัพยากรน้ำ ของมณฑล
ระหว่างที่ กัว ดำรงตำแหน่งนี้อยู่นี้เอง ได้มีการอนุมัติพวกโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งหนุนหลังโดย อู่ ปิง (Wu Bing) ประธานของบริษัทจงสีว์ (ฮ่องกง) จำกัด (Zhongxu (Hong Kong) Ltd) และ โจว ปิน (Zhou Bin) (บุตรชายของ โจว หย่งคัง) อดีตประธานของบริษัทจงสีว์ หยางกวง เทคโนโลยีน้ำมันปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติจำกัด (Zhongxu Yangguang Petroleum and Natural Gas Technology Ltd.) ทั้ง อู่ และ โจว เวลานี้ต่างก็พัวพันถูกสอบสวนซักถามในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นหลายคดี
กัว ยังได้ช่วยเหลือให้บริษัท สตาร์ เคเบิล จำกัด (Star Cable Co. Ltd)กลายเป็นซัปพลายเออร์รายใหญ่รายหนึ่งของบริษัท CNPC ตลอดจนของพวกบริษัทรัฐวิสาหกิจทางด้านไฟฟ้าพลังงานและพลังงานอีกหลายแห่ง เริ่มตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นหลายๆ ชิ้น ขณะที่เมื่อดูจากเอกสารต่างๆ ของ สตาร์ เคเบิล เอง ปรากฏว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2013 รายรับที่มาจาก CNPC มีมูลค่าเป็นกว่า 30% ของรายรับของ สตาร์ เคเบิล ทีเดียว
รายงานหลายๆ ชิ้นบอกว่า ทางการได้ทำการสอบสวน หลี่ กวางหยวน (Li Guangyuan) ประธานของ สตาร์ เคเบิล ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
คณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ ยังระบุในแถลงของตนว่า กัว “ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของเขาเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของบุตรชายตนเอง” ทั้งนี้บุตรชายของกัว ที่มีชื่อว่า กัว เหลียนสิง (Guo Lianxing) ได้จดทะเบียนบริษัทที่ใช้ชื่อว่า เป่ยจิง ฮุ่ยรุ่น หยางกวง เทคโนโลยีพลังงาน (Beijing Huirun Yangguang Energy Technology Co.) เมื่อปี 2010 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านหยวน ธุรกิจของบริษัทแห่งนี้มีตั้งแต่การให้บริการทางด้านเทคโนโลยี , การเป็นที่ปรึกษาทางด้านการค้า, ไปจนถึงการจำหน่ายเครื่องจักรกล, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, และผลิตภัณฑ์ในการทำเหมือง
กัว เหลียนสิง ลงทุนเป็นจำนวน 750,000 หยวนในบริษัทแห่งนี้ ส่วนที่เหลือมาจากบริษัทเป่ยจิง ฮุ่ยเซิง หยางกวง การลงทุน จำกัด (Beijing Huisheng Yangguang Investment Co.) ซึ่งร่วมกันถือครองโดย จ้าน หมินลี่ (Zhan Minli) แม่ยายของ โจว ปิน และ มี่ เสี่ยวตง (Mi Xiaodong) อดีตพนักงานระดับกลางในบริษัทน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งชาติของจีน (China National Offshore Oil Corp. ใช้อักษรย่อว่า CNOOC)
บุคคลหลังนี้ได้ถูกพวกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวินัยของพรรคควบคุมไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แหล่งข่าวหลายรายที่ใกล้ชิดสถานการณ์เปิดเผยว่า มี่ เป็นผู้บริหารจัดการธุรกิจด้านน้ำมันให้ โจว ปิน
ในวันที่ 8 มิถุนายน 2013 บริษัทเป่ยจิง ฮุ่ยเซิง หยางกวง การลงทุน จำกัด ได้ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัท
รายงานข่าวโดย อี้ว์ หนิง (Yu Ning) กับ เหอ ซิน (He Xin) และเรียบเรียงโดย หาน เว่ย (Han Wei)
ไฉซิน ออนไลน์ (Caixin Online) เป็นหนึ่งในกิจการของบริษัทไฉซิน มีเดีย จำกัด (Caixin Media Co.Ltd.) กลุ่มกิจการสื่อซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในปักกิ่ง และมุ่งเน้นการหาข่าวและสารสนเทศทางด้านการเงินและธุรกิจ และนำเสนอผ่านทางนิตยสาร, ออนไลน์, แอปมือถือ, การจัดการประชุมสัมมนา, หนังสือ, รายการทีวี/วิดีโอ
Former Zhou aide Guo in graft probe
By Caixin Online
11/04/2014
สำนักงานอัยการสูงสุดของจีนกำลังดำเนินการสอบสวนในคดีอาญาต่อ กัว หย่งเสียง อดีตรองผู้ว่าการมณฑลเสฉวน หลังจากที่เขาถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กัว นั้นเคยเป็นเลขานุการของ โจว หย่งคัง อดีตบิ๊กบอสผู้ควบคุมดูแลกิจการความมั่นคงสาธารณะ (สันติบาล) ของแดนมังกร ซึ่งเวลานี้เกษียณอายุแล้ว โดยที่มีรายงานว่า ในระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา มีผู้คนที่สัมพันธ์โยงใยอยู่กับ โจว มากกว่า 300 คนแล้วที่ถูกจับกุมคุมขังหรือถูกสอบสวนซักถาม รวมทั้งมีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องถูกทางการยึดไว้รวมเป็นมูลค่าถึง 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ปักกิ่ง – สำนักงานอัยการสูงสุดของประเทศแถลงในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมาว่า กำลังเริ่มต้นดำเนินการสอบสวนความผิดทางอาญาต่ออดีตรองผู้ว่าการมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ผู้หนึ่ง ซึ่งต้องสงสัยว่าทุจริตรับสินบน ทั้งนี้ตามรายงานของเว็บไซต์ไฉซินออนไลน์ (www.caixin.com)
ทางด้านคณะกรรมการตรวจสอบวินัย แห่งคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็บอกว่า กัว หย่งเสียง (Guo Yongxiang) ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการของมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนแห่งนี้ในช่วงระหว่างปี 2006 จนถึง 2008 ได้ถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคในวันเดียวกันนั้นเอง โดยที่ทางหน่วยงานสำคัญที่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการต่อสู้ปราบปรามคอร์รัปชั่นแห่งนี้ ได้เริ่มการสอบสวน กัว มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
[นอกจากนี้ ทางการผู้รับผิดชอบของจีนยังได้ยึดทรัพย์สินเป็นมูลค่าอย่างน้อยที่สุด 14,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากพวกสมาชิกในครอบครัวและพวกลูกน้องบริวารของ โจว ผู้ซึ่งกำลังกลายเป็นศูนย์กลางของกรณีอื้อฉาวทุจริตคอร์รัปชั่นรายใหญ่ที่สุดของจีนในรอบระยะเวลากว่า 60 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ตามรายงานของหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษเมื่อเดือนที่แล้ว ดูรายละเอียดได้ที่เว็บเพจ http://www.theguardian.com/world/2014/mar/30/china-assets-us145bn-former-security-chief ]
ความเคลื่อนไหวคราวนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งใหญ่ ซึ่ง สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่ของพรรคได้ประกาศออกมาในเดือนมกราคม 2013 การรณรงค์คราวนี้ ทางมณฑลเสฉวนตกเป็นเป้าหมายสำคัญมาก โดยที่มีการจับกุมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส, พวกผู้บริหารของบริษัทรัฐวิสาหกิจ, ตลอดจนพวกนักธุรกิจทรงอิทธิพลในมณฑลนี้ไปเป็นจำนวนมาก
คณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ ระบุไว้ในเว็บไซต์ของตนว่า กัว ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนไปในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และได้รับสินบนอย่างมหาศาลทั้งด้วยตัวของเขาเอง และโดยผ่านบุตรชายของเขา กัว ยังถูกกล่าวหาว่ามีความประพฤติที่ผิดศีลธรรม ซึ่งปกติแล้วเป็นถ้อยคำที่หมายถึงการมีอนุภรรยา
คดีของกัว ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองผู้ว่าการหรือสูงกว่า ของมณฑลเสฉวนรายที่ 2 ซึ่งถูกส่งตัวไปให้สำนักงานอัยการประชาชนสูงสุด ทำการสอบสวนเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา โดยที่รายแรกได้แก่ หลี่ ชุนเฉิง (Li Chuncheng) อดีตรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขามณฑลเสฉวน
กัว ซึ่งปัจจุบันอายุ 68 ปี ได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้ว่าการเสฉวนในเดือนมกราคม 2006 ต่อมาในปี 2008 หลังพ้นตำแหน่งนี้แล้ว เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ระดับอาวุโสในสภาผู้แทนประชาชนของมณฑล จากนั้นจึงเกษียณอายุในปี 2009 แต่ภายหลังต่อมาเขายังได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานของสหพันธ์ชมรมวรรณกรรมและศิลปะแห่งเสฉวน (Sichuan Federation of Literary and Art Circles) ซึ่งเป็นองค์กรนอกภาครัฐบาลของพวกนักเขียนและศิลปิน
ในช่วงต้นๆ แห่งอาชีพการงานของเขานั้น กัวอยู่ในอุตสาหรรมน้ำมัน โดยตั้งแต่ปี 1972 จนถึงปี 1998 เขาทำงานอยู่ในแหล่งน้ำมันเซิ่งลี่ (Shengli Oilfield) ซึ่งอยู่ในมณฑลซานตง ทางภาคตะวันออกของประเทศ และเป็นแหล่งน้ำมันใหญ่เป็นอันดับ 2 ของแดนมังกร ในช่วงเวลานั้น เขาสังกัดอยู่กับบริษัทน้ำมันปิโตรเลียมแห่งชาติของจีน (China National Petroleum Corp. ใช้อักษรย่อว่า CNPC) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ
ในเดือนกรกฎาคม 1998 เขาเข้าเป็นเลขานุการของ โจว หย่งคัง (Zhou Yongkang) ที่ในตอนนั้นขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการของกระทรวงที่ดินและทรัพยากร (Ministry of Land and Resources) ซึ่งเพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ สำหรับ โจว เพิ่งเกษียณอายุเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยที่ตำแหน่งสุดท้ายของเขาคือ สมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) อันเป็นองค์กรตัดสินใจระดับสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จากปี 2007 จนถึง 2012 ซึ่ง โจว เป็นสมาชิกประจำของกรมการเมืองนี้ เขาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการการเมืองและกฎหมายส่วนกลางของพรรค (the party's Central Politics and Law Committee) ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นผู้ดูแลกิจการด้านความมั่นคงสาธารณะ (สันติบาล) ของประเทศ
ในเดือนมกราคม 2000 กัว ได้ติดตาม โจว ไปยังเสฉวน โดยที่เขายังทำงานทำงานเป็นเลขานุการให้แก่ โจว ในขณะที่ โจว เข้าดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขามณฑลแห่งนั้นจวบจนกระทั่งปลายปี 2002 เมื่อเขาถูกโยกย้ายกลับมายังปักกิ่ง เพื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความปลอดภัยสาธารณะ ส่วนสำหรับ กัว นั้นยังคงอยู่ที่เสฉวน
กัว, และ หลี่ ชุนเฉิง, ตลอดจน หลี่ ฉงซี (Li Chongxi) อดีตประธานของสภาปรึกษาการเมืองของประชาชนจีนมณฑลเสฉวน (Sichuan's People's Political Consultative Conference) ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่ให้คำปรึกษาทางการเมืองนั้น ถือกันว่าเป็นลูกน้อง 3 คนในเสฉวนซึ่ง โจว ให้ความสนิทสนมชื่นชอบ แหล่งข่าวหลายๆ รายบอกกับ ไฉซินออนไลน์ ทางคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางของพรรค ได้เริ่มการสอบสวน หลี่ ฉงซี เช่นกันเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
พวกเจ้าหน้าที่ในเสฉวนพูดถึง กัว ว่า เป็นผู้รอบรู้เจนจบในเรื่องวิธีที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าหน้าที่ทางการในประเทศจีน
“เขามีประสบการณ์มากมายในเรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ” เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเล่าให้ฟัง “เขามักจะยิ้มแย้มอยู่เสนอ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออะไรเล็กๆ น้อยเพื่อให้เป็นที่นิยมชมชอบ”
แหล่งข่าวจากรัฐบาลเสฉวนอีกรายหนึ่งบอกว่า กัว ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากพวกผู้นำระดับสูง ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ระดับต่ำกว่าก็มองเห็นเขาเป็นสะพานที่จะใช้เชื่อมโยงต่อติดกับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้น
นอกจากนั้น กัว ยังมีเส้นสายโยงใยอย่างกว้างขวางกับแวดวงธุรกิจ ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นรองผู้ว่าการเสฉวนนั้น เขาได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลโครงการทางด้านเกษตรกรรม, ป่าไม้ และทรัพยากรน้ำ ของมณฑล
ระหว่างที่ กัว ดำรงตำแหน่งนี้อยู่นี้เอง ได้มีการอนุมัติพวกโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งหนุนหลังโดย อู่ ปิง (Wu Bing) ประธานของบริษัทจงสีว์ (ฮ่องกง) จำกัด (Zhongxu (Hong Kong) Ltd) และ โจว ปิน (Zhou Bin) (บุตรชายของ โจว หย่งคัง) อดีตประธานของบริษัทจงสีว์ หยางกวง เทคโนโลยีน้ำมันปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติจำกัด (Zhongxu Yangguang Petroleum and Natural Gas Technology Ltd.) ทั้ง อู่ และ โจว เวลานี้ต่างก็พัวพันถูกสอบสวนซักถามในเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นหลายคดี
กัว ยังได้ช่วยเหลือให้บริษัท สตาร์ เคเบิล จำกัด (Star Cable Co. Ltd)กลายเป็นซัปพลายเออร์รายใหญ่รายหนึ่งของบริษัท CNPC ตลอดจนของพวกบริษัทรัฐวิสาหกิจทางด้านไฟฟ้าพลังงานและพลังงานอีกหลายแห่ง เริ่มตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ทั้งนี้ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นหลายๆ ชิ้น ขณะที่เมื่อดูจากเอกสารต่างๆ ของ สตาร์ เคเบิล เอง ปรากฏว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2013 รายรับที่มาจาก CNPC มีมูลค่าเป็นกว่า 30% ของรายรับของ สตาร์ เคเบิล ทีเดียว
รายงานหลายๆ ชิ้นบอกว่า ทางการได้ทำการสอบสวน หลี่ กวางหยวน (Li Guangyuan) ประธานของ สตาร์ เคเบิล ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
คณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ ยังระบุในแถลงของตนว่า กัว “ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของเขาเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของบุตรชายตนเอง” ทั้งนี้บุตรชายของกัว ที่มีชื่อว่า กัว เหลียนสิง (Guo Lianxing) ได้จดทะเบียนบริษัทที่ใช้ชื่อว่า เป่ยจิง ฮุ่ยรุ่น หยางกวง เทคโนโลยีพลังงาน (Beijing Huirun Yangguang Energy Technology Co.) เมื่อปี 2010 ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านหยวน ธุรกิจของบริษัทแห่งนี้มีตั้งแต่การให้บริการทางด้านเทคโนโลยี , การเป็นที่ปรึกษาทางด้านการค้า, ไปจนถึงการจำหน่ายเครื่องจักรกล, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, และผลิตภัณฑ์ในการทำเหมือง
กัว เหลียนสิง ลงทุนเป็นจำนวน 750,000 หยวนในบริษัทแห่งนี้ ส่วนที่เหลือมาจากบริษัทเป่ยจิง ฮุ่ยเซิง หยางกวง การลงทุน จำกัด (Beijing Huisheng Yangguang Investment Co.) ซึ่งร่วมกันถือครองโดย จ้าน หมินลี่ (Zhan Minli) แม่ยายของ โจว ปิน และ มี่ เสี่ยวตง (Mi Xiaodong) อดีตพนักงานระดับกลางในบริษัทน้ำมันนอกชายฝั่งแห่งชาติของจีน (China National Offshore Oil Corp. ใช้อักษรย่อว่า CNOOC)
บุคคลหลังนี้ได้ถูกพวกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวินัยของพรรคควบคุมไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา แหล่งข่าวหลายรายที่ใกล้ชิดสถานการณ์เปิดเผยว่า มี่ เป็นผู้บริหารจัดการธุรกิจด้านน้ำมันให้ โจว ปิน
ในวันที่ 8 มิถุนายน 2013 บริษัทเป่ยจิง ฮุ่ยเซิง หยางกวง การลงทุน จำกัด ได้ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนบริษัท
รายงานข่าวโดย อี้ว์ หนิง (Yu Ning) กับ เหอ ซิน (He Xin) และเรียบเรียงโดย หาน เว่ย (Han Wei)
ไฉซิน ออนไลน์ (Caixin Online) เป็นหนึ่งในกิจการของบริษัทไฉซิน มีเดีย จำกัด (Caixin Media Co.Ltd.) กลุ่มกิจการสื่อซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ในปักกิ่ง และมุ่งเน้นการหาข่าวและสารสนเทศทางด้านการเงินและธุรกิจ และนำเสนอผ่านทางนิตยสาร, ออนไลน์, แอปมือถือ, การจัดการประชุมสัมมนา, หนังสือ, รายการทีวี/วิดีโอ