เอเจนซี--ในโอกาสครบรอบ 17 ปี ที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษส่งมืออำนาจปกครองเกาะฮ่องกงคืนสู่จีนในวันนี้(1 ก.ค.) กลุ่มประท้วงหลายหมื่นคนหลั่งไหลออกมารวมพลใจกลางฮ่องกงท่ามกลางสายฝน เรียกร้องการเปิดกว้างประชาธิปไตยและเสรีภาพจากผู้นำจีน ด้านทางการฮ่องกงระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4,000 นายลาดตระเวน นอกจากนี้ยังมีกองทหารปลดแอกประชาชนจีน ยืนยามตามจุดต่างๆ คอยคุมเชิงอยู่ด้วย
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายแต่เช้าวันนี้ (1 ก.ค.) ฮ่องกงได้ทำพิธีเชิญธงชาติจีนขึ้นสู่ยอดเสา ณ จัตุรัสโกลเด้น โบฮีเนีย ฉลองครบรอบ 17 ปี ที่ฮ่องกงกลับสู่อำนาจปกครองจีนหลังจากที่อยู่ใต้การปกครองเจ้าอาณานิคมอังกฤษ 99 ปี
ด้านพ่อเมืองฮ่องกง เหลียง เจิ้นอิง กล่าวคำปราศรัยรับวัน “ขอให้นึกถึงความมั่นคงและเสถียรภาพของเกาะเป็นหลัก”
ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยหลายกลุ่มเคลื่อนพลออกมาเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งสากลในการเลือกหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ พร้อมกับต่อต้านสมุดปกขาวของผู้นำในปักกิ่งที่ยืนยันอำนาจปกครองของจีน
สมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งประชาธิปไตยสังคมฮ่องกง (League of Social Democratsหรือ LSD) ราว 20 คน ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องการเลือกตั้งแบบเปิด และเผารูปสมุดปกขาวรวมทั้งรูปภาพของนายเหลียง เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยกลุ่มผู้ประท้วงระบุว่า ปักกิ่งโกหกว่าจะยอมให้ฮ่องกงปกครองตนเองอย่างอิสระ ตามข้อตกลงระบบการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
บรรยากาศการประท้วงในจุดต่างๆ เมื่อตอนเย็น ฝูงชนที่มาชุมนุมที่วอตอเรียพาร์ค เริ่มโกรธที่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อม ต่างร้องตระโกน “เปิดทางด้วย” ขณะที่ฝนก็ตกไม่ขาดสาย ด้านหัวหน้าจัดการชุมนุมในเขตหวั่นไฉ (Wan Chai) นาย Leung Sai-kau กล่าวว่ารถของผู้จัดการชุมนุมคืบคลานไปได้ช้ามาก บางทีก็หยุดชะงัก
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนกลุ่มผู้จัดการชุมนุม Civil Human Rights Front ว่า เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามกฎหมายหากกลุ่มประท้วงไม่สนใจคำสั่งตำรวจ “ตำรวจผิดหวังมาก กับการที่ผู้จัดการชุมนุมไม่ให้ความร่วมมือ และอาจจะต้องดำเนินการบางอย่างตามกฎหมาย”
นอกจากนี้ พ่อเมืองเหลียวยังปฏิเสธกลุ่มผู้จัดฯ ที่ปิดถนนเฮนเนสซีทั้งสายเพื่อเปิดทางสะดวกแก่ผู้ประท้วง โดยให้เหตุผลว่าการทำเช่นนั้นจะกระทบต่อภาคบริการ เหตุฉุกเฉินและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ
กลุ่มหนุนประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนใหญ่ ทางการจัดกำลังตร.-ทหารคอยรับมือ
คลื่นผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนทัพแต่เช้า โดยเดินจากจากตึกสมาคมวางแผนครอบครัวในย่านหวั่นไฉ ไปตามสะพานลอย มุ่งหน้าไปยังหอนาฬิกา มีการแบกโลงศพ ร่วมขบวนประท้วงด้วย เพื่อ “ระลึกถึงเหยื่อ 4 คน ที่เสียชีวิตเซ่นระบอบเผด็จการ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา” นาย Koo Sze-Yiu สมาชิกสันนิบาตฯ ระบุ “และเพื่อให้รู้ว่า เมื่อปักกิ่งออกสมุดปกขาวมา ก็เท่ากับว่านโยบาย ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ เป็นอันจบเห่ลง
ระหว่างการเดินประท้วง รัฐบาลฮ่องกงก็ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความเรียบร้อย และคอยกันไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปยังจตุรัสโบนีเฮีย สถานที่จัดงานอันเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาได้ กลุ่มผู้ประท้วงจึงได้แต่ถือป้ายประท้วง พร้อมร้องตะโกน “เราต้องการผู้สมัครรับการเลือกที่มาจากประชาชน” และ “เราไม่กลัวสมุดปกขาว”
ในช่วงบ่าย สมาชิกพรรคสันนิบาตฯ พร้อมประชาชนฮ่องกงหลายหมื่นคน ก็ออกประท้วงตามถนนชาเตอร์และประกาศจะอยู่จนกระทั่งถึงเที่ยงคืนของวันนี้ ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ทางสันนิบาตฯ ออกมาประท้วงโดยไร้ผู้นำ นายเหลียง กว็อก ฮัง ผู้มีฉายา “ผมยาว” ซึ่งต้องโทษจำคุกในความผิดเกี่ยวกับการประท้วงเมื่อปี 2554
ด้านรัฐบาลฮ่องกงจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 4,000 นาย รับมือการประท้วงครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทหารจากกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) กระจายปฏิบัติการตามจุดต่างๆ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า นักเคลื่อนไหวกลุ่ม “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” (Occupy Central) ซึ่งเป็นโต้โผจัดทำประชามติอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็เตรียมออกมาเคลื่อนไหว นั่งประท้วงกลางเมืองฮ่องกง หากคณะผู้บริหารเกาะฯ ซึ่งนำโดยนายเหลียง ไม่สามารถเสนอแผนงานการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ คนใหม่ ที่มีกำหนดจัดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้าได้ ทั้งนี้ กลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล เรียกร้องให้แผนงานดังกล่าวให้สิทธิเลือกตั้งแก่ชาวฮ่องกงโดยเป็นเลือกผู้สมัครรับการเลือกตั้งได้เองแทนระบบเดิมที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัครฯ
และนอกเหนือจากกลุ่มอ็อกคิวพายฯ ก็ยังมีกลุ่มสมาพันธ์นักศึกษา สกอล่าริซึม (Scholarism) ที่ออกมาร่วมแสดงจุดยืน โดยหลังจากเดินประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ถนนชาเตอร์ในวันนี้เสร็จสิ้นลง ทางกลุ่มจะไปนั่งประท้วงด้านนอกที่ทำการหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ ในเขตแอดมิรอลที จนกระทั่งถึง 8 โมงเช้าของวันพรุ่งนี้ (2 ก.ค.)
ด้านรัฐบาลฮ่องกง หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเชิญธงชาติสู่ยอดเสา นายเหลียง เจิ้นอิง พ่อเมืองฮ่องกง ก็กล่าวระหว่างพิธีการเลี้ยงต้อนรับ โดยระบุว่า พลเมืองฮ่องกงควรหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆที่อาจทำลาย “โอกาสและเสถียรภาพ” ของฮ่องกง โดยชี้ว่า ตอนนี้ระดับรายได้ของประชาชนฮ่องกงกลุ่มที่ยากจนที่สุดกำลังเพิ่มขึ้น ส่วนราคาบ้านและค่าเช่าก็ “อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล เพราะรัฐบาลช่วยอุดหนุนราคาอยู่”
“ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องบรรยากาศที่ดีแบบนี้ไว้ ไม่ควรทำอะไรที่กระทบกับความมั่นคง และทำลายโอกาสฮ่องกง” นายเหลียงกล่าว
“ส่วนประเด็นที่ว่าคนแผ่นดินใหญ่กว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง และผู้ค้าคู่ขนาน (parallel-good traders) ก็แก้ได้โดยอาศัย “การทำความเข้าใจทั้งสองฝ่าย” นายเหลียงกล่าวเพิ่มเติม
อนึ่ง สถานการณ์การเมืองในฮ่องกงระอุมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนสู่จีนในวันที่ 1 ก.ค. 2540 ตามสัญญาเช่าเกาะฮ่องกง 99 ปี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่จีนแพ้อังกฤษในสงครามฝิ่น เมื่อปี 2385
ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย นอกจากนี้ ชาวฮ่องกงยังรับวัฒนธรรมความคิดทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยจากอังกฤษมาใช้ ซึ่งขัดแย้งกันอย่างมากกับการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
อย่างไรก็ตาม ก็มีความพยายามประนีประนอมทางการเมืองเกิดขึ้น เมื่อฮ่องกงเข้าเป็นเขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรัฐบาลปักกิ่งตกลงใช้นโยบาย ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ในการปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐานที่ใช้ในการปกครองและบริหารฮ่องกง ซึ่งสภาประชาชนจีนอนุมัติและประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รวมทั้ง กำหนดให้ฮ่องกงสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
ทว่า เมื่อต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งกลับออก “สมุดปกขาว” ระบุว่า รัฐบาลกลางกรุงปักกิ่งมีอำนาจในการปกครองและใช้อำนาจบังคับควบคุมฮ่องกงอย่างครอบคลุมทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของอำนาจการปกครองตนเองของฮ่องกงอีกด้วย โดยฮ่องกงมีฐานะเป็นเพียงเขตบริหารท้องถิ่นเขตหนึ่งของจีนเท่านั้น และยังเน้นย้ำว่า แม้ในอนาคตฮ่องกงอาจเลือกผู้นำของตนเองได้ด้วยการใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสากล แต่ชาวฮ่องกงก็ต้องจงรักภักดีต่อประเทศชาติ
ด้วยเหตุนี้ สมุดปกขาว จึงกลายเป็นตัวกระตุ้นให้คนฮ่องกงวิตกกังวลกับอนาคตของตนเองภายใต้การปกครองของรัฐบาลปักกิ่ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ เพราะนั่นหมายความว่า อิสระทางกฎหมายของพวกเขาอาจถูกริดรอนได้
ทั้งนี้ ประชาชนฮ่องกงต้องการสิทธิในการเลือกผู้สมัครรับการเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันปักกิ่งจะเป็นผู้คัดสรรผู้สมัครฯ ซึ่งนั่นมิใช่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในสายตาของชาวฮ่องกงที่เคยชินกับการปกครองตนเอง เมื่อครั้นอยู่กับอังกฤษ อีกทั้งยังมีประเด็นไม่ชอบมาพากลเรื่องงบประมาณก่อสร้างเมืองใหม่ในเขตพื้นที่นิว เทอริทอรีส์ ซึ่งสภาฮ่องกงรีบลงมติระหว่างที่ผู้นำฝ่ายค้านถูกจำคุก
ทั้งหมดเหล่านี้ จึงเป็นความท้าทายระลอกใหม่ และระลอกใหญ่ที่รัฐบาลปักกิ่งต้องเผชิญ...อีกนาน
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายแต่เช้าวันนี้ (1 ก.ค.) ฮ่องกงได้ทำพิธีเชิญธงชาติจีนขึ้นสู่ยอดเสา ณ จัตุรัสโกลเด้น โบฮีเนีย ฉลองครบรอบ 17 ปี ที่ฮ่องกงกลับสู่อำนาจปกครองจีนหลังจากที่อยู่ใต้การปกครองเจ้าอาณานิคมอังกฤษ 99 ปี
ด้านพ่อเมืองฮ่องกง เหลียง เจิ้นอิง กล่าวคำปราศรัยรับวัน “ขอให้นึกถึงความมั่นคงและเสถียรภาพของเกาะเป็นหลัก”
ขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยหลายกลุ่มเคลื่อนพลออกมาเรียกร้องสิทธิเลือกตั้งสากลในการเลือกหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ พร้อมกับต่อต้านสมุดปกขาวของผู้นำในปักกิ่งที่ยืนยันอำนาจปกครองของจีน
สมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งประชาธิปไตยสังคมฮ่องกง (League of Social Democratsหรือ LSD) ราว 20 คน ออกมาแสดงจุดยืนเรียกร้องการเลือกตั้งแบบเปิด และเผารูปสมุดปกขาวรวมทั้งรูปภาพของนายเหลียง เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง โดยกลุ่มผู้ประท้วงระบุว่า ปักกิ่งโกหกว่าจะยอมให้ฮ่องกงปกครองตนเองอย่างอิสระ ตามข้อตกลงระบบการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
บรรยากาศการประท้วงในจุดต่างๆ เมื่อตอนเย็น ฝูงชนที่มาชุมนุมที่วอตอเรียพาร์ค เริ่มโกรธที่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อม ต่างร้องตระโกน “เปิดทางด้วย” ขณะที่ฝนก็ตกไม่ขาดสาย ด้านหัวหน้าจัดการชุมนุมในเขตหวั่นไฉ (Wan Chai) นาย Leung Sai-kau กล่าวว่ารถของผู้จัดการชุมนุมคืบคลานไปได้ช้ามาก บางทีก็หยุดชะงัก
ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเตือนกลุ่มผู้จัดการชุมนุม Civil Human Rights Front ว่า เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามกฎหมายหากกลุ่มประท้วงไม่สนใจคำสั่งตำรวจ “ตำรวจผิดหวังมาก กับการที่ผู้จัดการชุมนุมไม่ให้ความร่วมมือ และอาจจะต้องดำเนินการบางอย่างตามกฎหมาย”
นอกจากนี้ พ่อเมืองเหลียวยังปฏิเสธกลุ่มผู้จัดฯ ที่ปิดถนนเฮนเนสซีทั้งสายเพื่อเปิดทางสะดวกแก่ผู้ประท้วง โดยให้เหตุผลว่าการทำเช่นนั้นจะกระทบต่อภาคบริการ เหตุฉุกเฉินและผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ
กลุ่มหนุนประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนใหญ่ ทางการจัดกำลังตร.-ทหารคอยรับมือ
คลื่นผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนทัพแต่เช้า โดยเดินจากจากตึกสมาคมวางแผนครอบครัวในย่านหวั่นไฉ ไปตามสะพานลอย มุ่งหน้าไปยังหอนาฬิกา มีการแบกโลงศพ ร่วมขบวนประท้วงด้วย เพื่อ “ระลึกถึงเหยื่อ 4 คน ที่เสียชีวิตเซ่นระบอบเผด็จการ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา” นาย Koo Sze-Yiu สมาชิกสันนิบาตฯ ระบุ “และเพื่อให้รู้ว่า เมื่อปักกิ่งออกสมุดปกขาวมา ก็เท่ากับว่านโยบาย ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ เป็นอันจบเห่ลง
ระหว่างการเดินประท้วง รัฐบาลฮ่องกงก็ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความเรียบร้อย และคอยกันไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงเข้าไปยังจตุรัสโบนีเฮีย สถานที่จัดงานอันเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาได้ กลุ่มผู้ประท้วงจึงได้แต่ถือป้ายประท้วง พร้อมร้องตะโกน “เราต้องการผู้สมัครรับการเลือกที่มาจากประชาชน” และ “เราไม่กลัวสมุดปกขาว”
ในช่วงบ่าย สมาชิกพรรคสันนิบาตฯ พร้อมประชาชนฮ่องกงหลายหมื่นคน ก็ออกประท้วงตามถนนชาเตอร์และประกาศจะอยู่จนกระทั่งถึงเที่ยงคืนของวันนี้ ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ทางสันนิบาตฯ ออกมาประท้วงโดยไร้ผู้นำ นายเหลียง กว็อก ฮัง ผู้มีฉายา “ผมยาว” ซึ่งต้องโทษจำคุกในความผิดเกี่ยวกับการประท้วงเมื่อปี 2554
ด้านรัฐบาลฮ่องกงจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 4,000 นาย รับมือการประท้วงครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มทหารจากกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (พีแอลเอ) กระจายปฏิบัติการตามจุดต่างๆ
นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า นักเคลื่อนไหวกลุ่ม “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” (Occupy Central) ซึ่งเป็นโต้โผจัดทำประชามติอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็เตรียมออกมาเคลื่อนไหว นั่งประท้วงกลางเมืองฮ่องกง หากคณะผู้บริหารเกาะฯ ซึ่งนำโดยนายเหลียง ไม่สามารถเสนอแผนงานการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ คนใหม่ ที่มีกำหนดจัดขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้าได้ ทั้งนี้ กลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล เรียกร้องให้แผนงานดังกล่าวให้สิทธิเลือกตั้งแก่ชาวฮ่องกงโดยเป็นเลือกผู้สมัครรับการเลือกตั้งได้เองแทนระบบเดิมที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้คัดเลือกผู้สมัครฯ
และนอกเหนือจากกลุ่มอ็อกคิวพายฯ ก็ยังมีกลุ่มสมาพันธ์นักศึกษา สกอล่าริซึม (Scholarism) ที่ออกมาร่วมแสดงจุดยืน โดยหลังจากเดินประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่ถนนชาเตอร์ในวันนี้เสร็จสิ้นลง ทางกลุ่มจะไปนั่งประท้วงด้านนอกที่ทำการหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ ในเขตแอดมิรอลที จนกระทั่งถึง 8 โมงเช้าของวันพรุ่งนี้ (2 ก.ค.)
ด้านรัฐบาลฮ่องกง หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการเชิญธงชาติสู่ยอดเสา นายเหลียง เจิ้นอิง พ่อเมืองฮ่องกง ก็กล่าวระหว่างพิธีการเลี้ยงต้อนรับ โดยระบุว่า พลเมืองฮ่องกงควรหลีกเลี่ยงการกระทำต่างๆที่อาจทำลาย “โอกาสและเสถียรภาพ” ของฮ่องกง โดยชี้ว่า ตอนนี้ระดับรายได้ของประชาชนฮ่องกงกลุ่มที่ยากจนที่สุดกำลังเพิ่มขึ้น ส่วนราคาบ้านและค่าเช่าก็ “อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล เพราะรัฐบาลช่วยอุดหนุนราคาอยู่”
“ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องบรรยากาศที่ดีแบบนี้ไว้ ไม่ควรทำอะไรที่กระทบกับความมั่นคง และทำลายโอกาสฮ่องกง” นายเหลียงกล่าว
“ส่วนประเด็นที่ว่าคนแผ่นดินใหญ่กว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง และผู้ค้าคู่ขนาน (parallel-good traders) ก็แก้ได้โดยอาศัย “การทำความเข้าใจทั้งสองฝ่าย” นายเหลียงกล่าวเพิ่มเติม
อนึ่ง สถานการณ์การเมืองในฮ่องกงระอุมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนสู่จีนในวันที่ 1 ก.ค. 2540 ตามสัญญาเช่าเกาะฮ่องกง 99 ปี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่จีนแพ้อังกฤษในสงครามฝิ่น เมื่อปี 2385
ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ฮ่องกงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย นอกจากนี้ ชาวฮ่องกงยังรับวัฒนธรรมความคิดทางการเมืองระบอบประชาธิปไตยจากอังกฤษมาใช้ ซึ่งขัดแย้งกันอย่างมากกับการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
อย่างไรก็ตาม ก็มีความพยายามประนีประนอมทางการเมืองเกิดขึ้น เมื่อฮ่องกงเข้าเป็นเขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรัฐบาลปักกิ่งตกลงใช้นโยบาย ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ในการปกครองฮ่องกง ตามกฎหมายพื้นฐานที่ใช้ในการปกครองและบริหารฮ่องกง ซึ่งสภาประชาชนจีนอนุมัติและประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยให้สิทธิฮ่องกงในการปกครองตนเองอย่างอิสระ สามารถดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การพาณิชย์ ฯลฯ ได้ตามระบบเสรี รวมทั้ง กำหนดให้ฮ่องกงสามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีต่อไปได้อีกเป็นเวลา 50 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2540
ทว่า เมื่อต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลปักกิ่งกลับออก “สมุดปกขาว” ระบุว่า รัฐบาลกลางกรุงปักกิ่งมีอำนาจในการปกครองและใช้อำนาจบังคับควบคุมฮ่องกงอย่างครอบคลุมทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของอำนาจการปกครองตนเองของฮ่องกงอีกด้วย โดยฮ่องกงมีฐานะเป็นเพียงเขตบริหารท้องถิ่นเขตหนึ่งของจีนเท่านั้น และยังเน้นย้ำว่า แม้ในอนาคตฮ่องกงอาจเลือกผู้นำของตนเองได้ด้วยการใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสากล แต่ชาวฮ่องกงก็ต้องจงรักภักดีต่อประเทศชาติ
ด้วยเหตุนี้ สมุดปกขาว จึงกลายเป็นตัวกระตุ้นให้คนฮ่องกงวิตกกังวลกับอนาคตของตนเองภายใต้การปกครองของรัฐบาลปักกิ่ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารเกาะฯ เพราะนั่นหมายความว่า อิสระทางกฎหมายของพวกเขาอาจถูกริดรอนได้
ทั้งนี้ ประชาชนฮ่องกงต้องการสิทธิในการเลือกผู้สมัครรับการเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันปักกิ่งจะเป็นผู้คัดสรรผู้สมัครฯ ซึ่งนั่นมิใช่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริงในสายตาของชาวฮ่องกงที่เคยชินกับการปกครองตนเอง เมื่อครั้นอยู่กับอังกฤษ อีกทั้งยังมีประเด็นไม่ชอบมาพากลเรื่องงบประมาณก่อสร้างเมืองใหม่ในเขตพื้นที่นิว เทอริทอรีส์ ซึ่งสภาฮ่องกงรีบลงมติระหว่างที่ผู้นำฝ่ายค้านถูกจำคุก
ทั้งหมดเหล่านี้ จึงเป็นความท้าทายระลอกใหม่ และระลอกใหญ่ที่รัฐบาลปักกิ่งต้องเผชิญ...อีกนาน