ชาวฮ่องกงว่าครึ่งล้านเดินขบวนทวงประชาธิปไตยเต็มใบ สกัดจีนสยายปีกอิทธิพลเหนือดินแดน

เอเจนซี—ในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 17 ปี ที่เจ้าอาณานิคมอังกฤษส่งมอบอำนาจปกครองดินแดนฮ่องกงคืนสู่จีน(1997/2540) ชาวฮ่องกงจำนวนมหาศาลออกมาเดินขบวนตามท้องถนนใจกลางธุรกิจฮ่องกง เรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบ คือสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไปแบบสากลในการเลือกผู้นำสูงสุดของดินแดนหรือหัวหน้าคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง พร้อมกับประท้วงขับไล่หัวหน้าคณะผู้บริหารฯ นาย เหลียง เจิ้นอิง อันถือเป็นการท้าทายรัฐบาลคอมมิวนิสต์อย่างแรงสุดในรอบกว่าสิบปี

ชาวฮ่องกงจัดการเดินขบวนในวันที่ 1 ก.ค.วันครบรอบปีการส่งมอบอำนาจปกครองฮ่องกงสู่จีนกันทุกปี สำหรับปีนี้ดำเนินการโดยกลุ่มรณรงค์ประชาธิปไตยหลายกลุ่ม อาทิ แนวร่วมเพื่อสิทธิมนุษย์ชน (Civil Human Rights Front) สกอลาริซึ่ม (Scholarism) สหพันธ์นักศึกษาแห่งฮ่องกง (Hong Kong Federation of Students) อ๊อคคิวพาย เซนทรัล (Occupy Central with Love and Peace)

คลื่นมหาชนชาวฮ่องกงหลั่งไหลยึดครองถนนสายต่างๆในฮ่องกงอย่างมืดฟ้ามัวดินท่ามกลางอากาศร้อนชื้นและฝนตกตลอดทั้งวัน กลุ่มผู้จัดฯเผยตัวเลขประชาชนที่ออกมาร่วมขบวนประท้วง 510,000 คน ขณะที่ตัวเลขฝ่ายตำรวจ ราว 98,600 คน

ขณะที่ทางการฮ่องกงระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4,000 นายลาดตระเวน นอกจากนี้ยังมีกองทหารปลดแอกประชาชนจีน ยืนยามตามจุดต่างๆคอยคุมเชิงอยู่ด้วย

“ขณะนี้รัฐบาลฮ่องกงถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีนเรียบร้อยแล้ว” ดาเนียล เฉิง วัย 24 ปี ผู้เพิ่งจบการศึกษาและทำงานกับเกี่ยวการสำรวจการก่อสร้าง กล่าวขณะเข้าร่วมขบวนชุมนุม

“นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเราจะได้ส่งเสียงให้โลกได้ยิน” ลัม สุ่ย-พาน วัย 22 ปี อาสาสมัครจากกลุ่มรณณรงค์สิทธิมนุษย์ชน กล่าวเมื่อการเดินขบวนเสร็จสิ้น

ช่วงเย็นกลุ่มนักศึกษาได้เป็นโตโผในการดื้อแพ่งนั่งประท้วงอย่างสงบ (sit-in) หรือ "อารยะขัดขืน" บริเวณใจกลางธุรกิจ กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักประท้วงตลอดทั้งคืนที่บริเวณถนนชาเตอร์ (Chater Road) และนอกสำนักงานหัวหน้าคณะบริหารฯดินแดนในย่านธุรกิจแอดมิรัลตี้ (Admiralty) เรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบ ทวงระบบการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่างแท้จริง

สำหรับเป้าหมายแรกซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนที่สุดบนเวทีการเมืองฮ่องกง คือข้อเรียกร้องสิทธิการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารฯฮ่องกง ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกสามปีข้างหน้า (2560) โดยประชาชนเป็นผู้เลือกผู้สมัครรับการเลือกตั้ง ทั้งนี้ก่อนหน้าผู้นำจีนจะเป็นกลุ่มผู้คัดสรรผู้สมัครรับการเลือกตั้งซึ่งล้วนเป็นคนของทางการปักกิ่ง

การรวมพลประท้วงฯนี้ยังเป็นการทวงสัญญาข้อตกลงการส่งมอบฯดินแดนที่อังกฤษและจีนได้บรรลุข้อตกลงร่วมกัน คือสูตรการปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ภายใต้กฎหมายพื้นฐาน โดยฮ่องกงมีอำนาจปกครองตัวเองอย่างกว้างขวาง
กลุ่มชุมนุมปักกิ่งประท้วงกันจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาไม่เพียงผิดหวังที่นาย เหลียน เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารฯดินแดน ไม่ยอมออกมาพบปะ ทางการฮ่องกงยังได้ระดมกลุ่มตำรวจหลายร้อยนายก็ได้เข้ามาเคลียร์พื้นที่ กลุ่มประท้วงกว่า 1,000 คน พยายามขัดขืน จับมือกันแน่นเสมือนเป็นกำแพงต้านกำลังตำรวจ บางคนผลักไส เตะ ต่อย กรีดร้อง สื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า ตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงไปอย่างน้อย 511 คน

สมาชิกของกลุ่มรณรงค์ต่างๆ ถูกจับขึ้นรถบัสไปยังโรงเรียนฝึกอบรมของตำรวจ โดยยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะถูกควบคุมตัวนานแค่ไหน ในเย็นวันเดียวกัน สื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า ตำรวจได้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่จับกุมตัวในตอนเช้า โดยเหลือ 129 คน ที่ยังถูกควบคุมตัวไว้

ด้านหัวหน้าคณะบริหารเขตปกครองพิเศษแห่งฮ่องกง คือ นาย เหลียน เจิ้นอิง กล่าวคำปราศรัยในพิธีรำลึกการส่งมอบเกาะฮ่องกงสู่จีนเมื่อวันอังคาร(1 ก.ค.) ว่า รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฯจะพยายามอย่างสุดสามารถในการผลักดันฉันทามติในชุมชน เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้งหัวหน้าคณะบริหารฯตามกำหนดและสอดคล้องกับกฎหมาย อีกทั้ง “ความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพ”

รัฐบาลมังกรโต้เสียงกร้าว “มีอำนาจเหนือฮ่องกงครอบคลุมทั้งหมด”
ศึกงัดข้อระหว่างกลุ่มรณรงค์ประชาธิปไตยกับรัฐบาลจีนระอุขึ้นเมื่อกลุ่มรณรงค์ “อ๊อคคิวพาย เซนทรัล” เคลื่อนไหวจัดประชามติอย่างไม่เป็นอย่างการ เกี่ยวกับทางเลือกในการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดของเกาะ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.ไปถึงวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผลปรากฏมีชาวฮ่องกงร่วม 800,000 คน โหวตสนับสนุนประชาธิปไตยเต็มใบในการเลือกตั้งพ่อเมืองฮ่องกง

ด้านผู้นำในปักกิ่งได้โต้ตอบการเคลื่อนไหวของกลุ่มหนุนประชาธิปไตยโดยการออกสมุดปกขาวเผยแพร่สู่สาธารณชน ถึง 7 ภาษา เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ระบุเสียงกร้าวว่ารัฐบาลกลางกรุงปักกิ่งมีอำนาจในการปกครองและใช้อำนาจบังคับควบคุมฮ่องกงอย่างครอบคลุมทั้งหมด โดยฮ่องกงมีฐานะเป็นเพียงเขตบริหารท้องถิ่นเขตหนึ่งของจีนเท่านั้น
ในสมุดปกขาวยังระบุว่า “ทัศนะผิด ๆมากมายอุบัติขึ้นในฮ่องกง บางคนก็สับสนเรื่องนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” และกฎหมายพื้นฐาน”

ในสมุดปกขาวฉบับนี้ยังย้ำอีกว่า แม้ในอนาคตฮ่องกงอาจเลือกผู้นำของตนเองได้ด้วยการใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งทั่วไปแบบสากล แต่ชาวฮ่องกงก็ต้องจงรักภักดีต่อประเทศชาติ

ฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบนั้น ก็ยังต้องแสวงหามุขการเคลื่อนไหวต่อไปดังที่นาย Frank Chio ตัวแทนจากสหพันธ์นักศึกษาแห่งฮ่องกง ประกาศระหว่างการชุมนุมในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา

“เป้าหมายของพวกเรา อันดับแรกคือสิทธิการเลือกตั้งทั่วไป และสองคือรัฐบาลตอบสนองต่อเสียงของชาวฮ่องกง

“และนี่ก็คือ ก้าวที่หนึ่ง ยังมีก้าวต่อๆไปอีก...”