สื่อจีนเตือนหายนะ ฮ่องกงอาจกลายเป็นอย่าง “ยูเครนหรือไทย” หากวุ่นวายไม่จบสิ้น

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - กลุ่มสื่อจีนแสดงทัศนะต่อเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่บนเกาะฮ่องกง เปรียบเปรยหากความวุ่นวายยังไม่จบสิ้น มีแววเป็นเหมือนยูเครนและไทย

บทบรรณาธิการของหน้าหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส ฉบับวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.) ที่ผ่านมา ได้กล่าวกับประชาชนผู้อ่านว่า “ถ้าหากความสับสนวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกงยังดำเนินต่อไป ก็เป็นไปได้ที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นอย่างยูเครนหรือไทย”

สื่อทางการจีนได้กล่าวประณามการชุมนุมประท้วงข้ามคืน ที่ปักหลักยึดพื้นที่ถนนชาเตอร์ ย่านธุรกิจใจกลางเมือง โดยระบุเป็นการกระทำที่คุกคามหลักนิติธรรมอย่างร้ายแรง

“เมื่อปราศจากหลักนิติธรรม ฮ่องกงอาจจมลงสู่ก้นเหวเหมือนอย่างยูเครนหรือไทย และต้องผจญปรากฏการณ์เลวร้ายทั้งหลายแหล่ที่จะปะทุขึ้นมา”

“ฝ่ายผู้จัดการชุมนุมรู้และยอมรับว่าทำผิดกฎหมาย แต่พวกเขาก็ยังจะทำมันต่อไป” บทบรรณาธิการฯ กล่าว โดยอ้างอิงถึงกลยุทธ์ ‘อารยะขัดขืน’ ซึ่งเป็นวิธีการชุมนุมประท้วงที่มีอายุมากกว่าศตวรรษ

“หลังจากมีการเข้าจับกุม ผู้ก่อความวุ่นวายบางส่วนก็ชี้นิ้วไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวหาอย่างไร้เหตุผลว่า ‘ใช้กำลังอำนาจข่มขู่ประชาชน’”

ผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วน ซึ่งมีสมาชิกสภาเขตท้องถิ่นรวมอยู่ด้วยนั้น ได้ตำหนิเจ้าหน้าที่ว่า ‘ใช้อำนาจเกินขอบเขต’ อย่างไรก็ดี ทางตำรวจก็ยอมรับว่ามีการบีบบังคับจับกุมจริง แต่ก็เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย

ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วงที่ลากยาวจากเย็นวันอังคาร (1) ถึงเช้าวันพุธ (2 ก.ค.) เกิดขึ้นหลังจากชาวฮ่องกงกว่า 510,000 คน เดินขบวนไปตามท้องถนนเรียกร้องการเปิดกว้างประชาธิปไตยที่แท้จริง และแสดงความไม่พอใจ “สมุดปกขาว” ที่รัฐบาลปักกิ่งประกาศออกมาเพื่อย้ำให้ประชาชนตระหนักโดยทั่วกันว่า ปักกิ่งคือผู้เดียว ที่มีอำนาจเต็มในการปกครองฮ่องกงอย่างสมบูรณ์

สื่อจีนระบุว่า การประท้วงครั้งดังกล่าวเป็นการซักซ้อมสำหรับการชุมนุมใหญ่ “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” (Occupy Central) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ พร้อมเตือนว่าฮ่องกงกำลังก้าวเข้าสู่ห้วงวิกฤตแห่งความวุ่นวายในไม่ช้า

กลุ่มอ็อกคิวพายฯ ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยนักกิจกรรมผู้เรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบบนเกาะฮ่องกง วางแผนจะปิดล้อมถนนสายกลางเมือง หากผู้นำและรัฐบาลท้องถิ่นล้มเหลวจะเดินหน้าแผนการเลือกตั้งหัวหน้าคณะผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ตามวิถีประชาธิปไตยในปี 2017 หรือราว 3 ปีข้างหน้า

ขณะเดียวกันบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี กระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็รายงานกลุ่มนักศึกษาฮ่องกงสองกลุ่มที่จัดการชุมนุมบนถนนชาเตอร์ โดยระบุทั้งสองกลุ่มกำลังใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย หวังกดดันรัฐบาลฮ่องกงให้ยอมรับแนวคิดที่อนุญาตให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเสนอชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารฯ ได้

อย่างไรก็ดี สื่อพรรคฯ โต้แย้งว่า “วิธีดังกล่าวขัดกับข้อกฎหมายพื้นฐาน (Basic Law) ของประเทศ”