เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์- ในปี 2556 ที่ผ่านมา พบว่า นโยบายรัดเข็มขัดของนายสี จิ้น ผิง ทำให้การจัดเลี้ยงสังสรรค์ของรัฐบาลลดลงกว่าครึ่ง อีกทั้งยังทำให้เจ้าหน้าที่รัฐเป็นอิสระจาก “ภารกิจ” การดื่มไวน์และงานเลี้ยงอาหารค่ำ

นายจาง จงเหลียง ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาด้านสถิติสังกัดสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุ นโยบายรัดเข็มขัดของนายสี จิ้น ผิง ที่ดำเนินมาหนึ่งปีแล้วนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยลดรายจ่ายแต่ยังมีผลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเพราะไม่ต้องเสียเวลาเข้าร่วมงานเหล่านั้น
ในการศึกษาเกี่ยวกับนโยบายการรัดเข็มขัด 8 ข้อของนายสี ที่จัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยการสื่อสารปักกิ่งแห่งจีนระบุว่า งานสังสรรค์ของรัฐบาลทุกลำดับชั้นที่เจ้าหน้าที่ระดับอำเภอต้องเข้าร่วมมีอัตราเฉลี่ยลดลงเหลือแค่ 12.2 งานต่อสัปดาห์ ในขณะที่ปีที่ผ่านมา (2556) มีมากถึง 18.2 งานต่อสัปดาห์
งานสังสรรค์ระดับอำเภอลดปริมาณลง 1 ใน 3 ส่วนงานสังสรรค์ระดับมณฑลและระดับชาติลดลงกว่าครึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นเฉลี่ย 30 นาที นายจางกล่าว
นอกจากนี้ จากการศึกษาดังกล่าวพบว่า นโยบายปราบปรามความฟุ้งเฟ้อของเจ้าหน้าที่รัฐมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างน้อย 6 ประเภท ส่วนใหญ่คือ ธุรกิจการรับจัดเลี้ยง อุตสาหกรรมบุหรี่และไวน์
นายจางชี้ว่า ปีที่แล้ว (2556) เฉพาะธุรกิจการรับจัดเลี้ยงมีอัตราการเติบโตเพียง 3.8 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ปี 2554 สูงถึง 8.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดขายไวน์ราคาแพงในแผ่นดินใหญ่ในปี 2556 ลดลง 40 เปอร์เซ็นต์
นโยบายดังกล่าวมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของชาติชะลอตัวแต่ “มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย” สำหรับการขุดรากถอนโคนการทุจริต การใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ช่วยขับเคลื่อนการบริโภคในระยะสั้นแต่บิดเบือนอุปสงค์และอุปทานในระยะยาว นายจางกล่าว
อย่างไรก็ดี ไม่มีการระบุว่าการศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากสำนักงานของรัฐหรือมาจากการสังเกตการณ์ของบุคคลภายนอก
อนึ่ง ในเดือนธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา นายสี จิ้น ผิงประธานาธิบดีจีน ประกาศใช้นโยบาย 8 ข้อ เพื่อควบคุมความฟุ้งเฟ้อและความล่าช้าของระบบราชการ นโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานทำความสะอาดระบบราชการและกำจัดการทุจริต โดยมีการสั่งการให้เข้มงวดกับการใช้จ่ายเรื่องการเฉลิมฉลอง การสัมมนา และงานพิธีการต่างๆ รวมทั้งจำกัดการใช้เงินของรัฐกับเรื่องอื่นๆ อย่างไร้ประโยชน์
นายจาง จงเหลียง ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาด้านสถิติสังกัดสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุ นโยบายรัดเข็มขัดของนายสี จิ้น ผิง ที่ดำเนินมาหนึ่งปีแล้วนั้น ไม่เพียงแต่ช่วยลดรายจ่ายแต่ยังมีผลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเพราะไม่ต้องเสียเวลาเข้าร่วมงานเหล่านั้น
ในการศึกษาเกี่ยวกับนโยบายการรัดเข็มขัด 8 ข้อของนายสี ที่จัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยการสื่อสารปักกิ่งแห่งจีนระบุว่า งานสังสรรค์ของรัฐบาลทุกลำดับชั้นที่เจ้าหน้าที่ระดับอำเภอต้องเข้าร่วมมีอัตราเฉลี่ยลดลงเหลือแค่ 12.2 งานต่อสัปดาห์ ในขณะที่ปีที่ผ่านมา (2556) มีมากถึง 18.2 งานต่อสัปดาห์
งานสังสรรค์ระดับอำเภอลดปริมาณลง 1 ใน 3 ส่วนงานสังสรรค์ระดับมณฑลและระดับชาติลดลงกว่าครึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้นเฉลี่ย 30 นาที นายจางกล่าว
นอกจากนี้ จากการศึกษาดังกล่าวพบว่า นโยบายปราบปรามความฟุ้งเฟ้อของเจ้าหน้าที่รัฐมีผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างน้อย 6 ประเภท ส่วนใหญ่คือ ธุรกิจการรับจัดเลี้ยง อุตสาหกรรมบุหรี่และไวน์
นายจางชี้ว่า ปีที่แล้ว (2556) เฉพาะธุรกิจการรับจัดเลี้ยงมีอัตราการเติบโตเพียง 3.8 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ปี 2554 สูงถึง 8.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดขายไวน์ราคาแพงในแผ่นดินใหญ่ในปี 2556 ลดลง 40 เปอร์เซ็นต์
นโยบายดังกล่าวมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของชาติชะลอตัวแต่ “มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย” สำหรับการขุดรากถอนโคนการทุจริต การใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์ช่วยขับเคลื่อนการบริโภคในระยะสั้นแต่บิดเบือนอุปสงค์และอุปทานในระยะยาว นายจางกล่าว
อย่างไรก็ดี ไม่มีการระบุว่าการศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากสำนักงานของรัฐหรือมาจากการสังเกตการณ์ของบุคคลภายนอก
อนึ่ง ในเดือนธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา นายสี จิ้น ผิงประธานาธิบดีจีน ประกาศใช้นโยบาย 8 ข้อ เพื่อควบคุมความฟุ้งเฟ้อและความล่าช้าของระบบราชการ นโยบายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานทำความสะอาดระบบราชการและกำจัดการทุจริต โดยมีการสั่งการให้เข้มงวดกับการใช้จ่ายเรื่องการเฉลิมฉลอง การสัมมนา และงานพิธีการต่างๆ รวมทั้งจำกัดการใช้เงินของรัฐกับเรื่องอื่นๆ อย่างไร้ประโยชน์