เอเจนซีส์/เอพี - เมื่อวานนี้ (27) รัฐบาลอาร์เจนตินาประกาศคลายมาตรการ ยอมอนุญาตให้ประชาชนชาวอาร์เจนตินาที่มีรายได้สูงกว่า 7,200 เปโซต่อเดือน (900 ดอลลาร์) สามารถซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯได้สูงสุดราว 2,000 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อแก้วิกฤตค่าเงินเปโซร่วงหนัก หลังจากที่ผ่านมา 2 ปี ได้มีกฎหมายห้ามการซื้อขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
แต่กฎใหม่ที่ออกนี้ยังห้ามไม่ให้ธุรกิจขนาดใหญ่และนักลงทุนซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอาร์เจนตินาเปิดเผยว่า จะทำการผ่อนคลายคำสั่งห้ามหลังเงินเปโซร่วงหนักถึง 15% ในรอบ 12 ปี
ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตประชาชนอาร์เจนตินาสามารถหาซื้อเงินดอลลาร์ได้ในตลาดมืดเท่านั้น ยิ่งเท่ากับเป็นการเร่งอัตราเงินเฟ้อของประเทศให้สูงขึ้น โดยหัวหน้าคณะรัฐมนตรีอาร์เจนตินา จอร์จ คาพิทานิช กล่าวว่า “มีเพียงพนักงานบริษัทและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่สามารถซื้อเงินดอลลาร์ได้”
แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนอาร์เจนตินาที่มีรายได้อย่างต่ำสูงกว่า 7,200 เปโซ ต่อเดือน (900 ดอลลาร์) ยังคงถูกจำกัดที่สามารถหาซื้อเงินสหรัฐฯได้ตั้งแต่ 20% ของเงินเดือนจนสูงสุดถึง 2,000 ดอลลาร์ต่อเดือน และต้องนำเงินดอลลาร์ที่ซื้อฝากไว้กับธนาคารไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือไม่เช่นนั้นผู้ซื้อต้องถูกหักภาษีราว 20% ของจำนวนเงินดอลลาร์ที่ได้ซื้อไว้ ซึ่งลดลงจาก 35% ในอดีต และนี่ถือเป็นมาตรการจูงใจใหม่ของรัฐบาลอาร์เจนตินาในการให้ประชาชนฝากเงิน และยังเป็นการป้องกันไม่ให้เงินทุนไหลออกจากประเทศ
รัฐบาลอาร์เจนตินาได้พยายามเข้าแทรกอัตราแลกเปลี่ยน โดยกำหนดให้อัตรา 1 ดอลลาร์ ต่อ 8 เปโซ เมื่อเปรียบเทียบกับ 6.9 สัปดาห์ก่อนที่มีค่าแข็งกว่านี้ ซึ่งสวนทางกับค่าเงินตลาดมืดที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอลลาร์ ต่อ 12.25 เปโซ จากในวันศุกร์ (24) ที่มีอัตรา 11.8 โดยนักวิเคราะห์คนหนึ่งได้คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอาร์เจนตินาได้ใช้เงินราว 135 ล้านดอลลาร์ ในการป้องกันค่าเงินเปโซไว้เมื่อวานนี้(27) ซึ่งผลการแทรกแซงทำให้เงินเปโซเข้าใกล้ 8.01 ต่อ 1 ดอลลาร์ เรตที่รัฐบาลอาร์เจนตินาได้กำหนดไว้
“หากธนาคารกลางอาร์เจนตินาไม่เข้ามาแทรกแซง คงจะเห็นเงินเปโซร่วงไปถึง 8.50 ภายใน 2 นาที” รายงานจากนักวิเคราะห์ตลาดเงินแลกเปลี่ยน ซึ่งคาดว่ารัฐบาลอาร์เจนตินาต้องใช้เงินเกือบจะ 120 ล้านดอลลาร์ ต่อวันในการรักษาอัตราแลกเปลี่ยน
ซึ่งตลาดมืดนั้นสามารถเป็นดัชนีชี้วัดถึงค่าเงินเปโซที่แท้จริงในความรู้สึกของคนภายในประเทศ ซึ่งหลายคนยังเห็นว่าค่าเงินเปโซที่กำหนดไว้นั้นยังแข็งเกินไป และยังสามารถใช้เป็นดัชนีการวัดอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงของอาร์เจนตินามากกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการที่รัฐบาลอาร์เจนตินาได้ประกาศไว้
ในขณะที่ ไบรอัน เคาล์ตัน นักกลยุทธ์ตลาดเกิดใหม่แห่ง Legal and General Investment management กลับให้ความเห็นว่า มาตรการต่างๆ และการลดค่าเงิน และนโยบายรัดเข็มขัดทางการคลัง ตลอดจนการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นถึง 6% จะช่วยทำให้ประเทศลดหนี้ทางการคลังได้ แต่อย่างไรก็ตาม “รัฐบาลอาร์เจนตินาต้องใช้นโยบายรัดเข็มขัดทางการคลังเพื่อลดความกดดันในการขายเงินเปโซออกไป ซึ่งในขณะนี้มีเงินเปโซมีจำนวนมากจนทำให้เกิดเงินเฟ้อ และมีความต้องการที่มากเกินไปสำหรับเงินดอลลาร์สหรัฐฯตามอัตราแลกเปลี่ยนที่รัฐบาลอาร์เจนตินากำหนดไว้”
ด้าน รูดอลโฟ รอสซี นักเศรษฐศาสตร์ในกรุงบัวโนสไอเรส กล่าวว่า “นี่เป็นแค่การผ่อนคลาย แต่ไม่ใช่อิสรภาพ ในทางปฏิบัติ มาตรการนี้แค่ช่วยให้ประชาชนอาร์เจนตินามีช่องหายใจ ความกดดันต่อตลาดมืดยังคงต้องมีต่อไป” ในปี 2002 ประชาชนหลายล้านคนของอาร์เจนตินาต่างเผชิญกับอัตราเงินเฟื้อที่สูงถึง 41% และรวมถึงหนี้ของรัฐบาลกับสถาบันการเงินต่างประเทศที่ไม่สามารถชำระได้ และรายได้ของพวกเขาและมาตรฐานการดำรงชีพที่ฟุบลง