เอเจนซี - สืบเนื่องจากชาวจีนสมัยใหม่ถือให้วันที่ 11 พ.ย. ของทุกปี เป็น “วันคนโสด” (Double Eleven Shopping Festival: 11/11) สัญลักษณ์ตัวแทนเพื่อฉลองให้กับบรรดาหนุ่มสาวที่ยังโสดทั้งหลายบนแดนมังกร อีกทั้งไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันยังเป็นวันสำคัญของเหล่านักช้อปปิ้งตัวยงที่ต้องกาเครื่องหมายบนหน้าปฏิทิน เมื่อบริษัทผู้ประกอบการซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่างอาลีบาบา (Alibaba) ได้ออกโปรโมชั่นล่อตาล่อใจ ลดแลกแจกแถมสุดตัวไว้เมื่อ 4 ปีก่อน กอบโกยรายได้มหาศาลไปอย่างสมอารมณ์หมาย
รายงานข่าว (11 พ.ย.) อ้างคำกล่าวของ AdMaster สถาบันการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาดออนไลน์ ซึ่งระบุว่า ในวันคนโสดของปี 2556 นี้ นักช้อปชาวจีนผู้หิวกระหายจะใช้เงินอย่างน้อยคนละ 1,800 หยวน (ราว 9,000 บาท) หมดไปกับการจับจ่ายซื้อสินค้านานาชนิดผ่านเว็บไซต์ซื้อ-ขายบนโลกออนไลน์
ทั้งนี้ วันคนโสด (11/11) ดังกล่าวกลับกลายเป็น 24 ชม.แห่งการจับจ่ายใช้สอยบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างบ้าคลั่งมาตั้งแต่ 11 พ.ย. ปี 2552 เมื่ออาลีบาบา บริษัทด้านอี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) รายใหญ่ที่สุดในจีน เจ้าของเว็บไซต์ช้อปปิ้งชื่อดังอย่างเถาเป่า (Taobao) และทีมอลล์ (Tmall) ได้ปล่อยแผนการตลาดอันชาญฉลาด ซึ่งดึงดูดใจผู้บริโภคชาวจีนอย่างล้นหลาม
นับตั้งแต่นั้นมา มูลค่าการซื้อ-ขายสินค้าสารพัดประเภทบนเว็บไซต์ฯ ในวันคนโสดแต่ละปี ก็ก้าวกระโดดแบบไม่ทันตั้งตัว โดยเพิ่มจาก 50 ล้านหยวน (ราว 25 ล้านบาท) ในปี 2552 เป็น 19.1 พันล้านหยวน (ราว 9 หมื่น 5 พันล้านบาท) ในปี 2555 และคาดการณ์กันว่าในปี 2556 นี้ อาจสูงถึง 30,000 ล้านหยวน (ราว1 แสน 5 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอาลีบาบาเผยว่า ในเวลา 1 ชม.ก่อนเข็มนาฬิกาบอกเลข 12 อันเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันที่ 11 พ.ย. 2556 ชาวจีนมากกว่า 6 ล้านคน ได้ทยอยเลือกหยิบสินค้าใส่ในตะกร้าจำลองบนเว็บไซต์ เฝ้ารอเวลาที่โปรโมชั่นของวันคนโสดจะมีผลบังคับใช้ ทั้งนี้ ร้านค้าน้อยใหญ่ ตั้งแต่ธุรกิจเล็กๆ ไปจนถึงเสื้อผ้ายี่ห้อดังอย่างยูนิโคล (Uniqlo) รวมกว่า 200 แห่ง เข้าร่วมกอบโกยกำไรในสนามการค้าครั้งนี้ด้วย
และเมื่อเข้าสู่วันคนโสดของปีนี้ได้เพียง 10 นาที ก็มียอดเงินสะพัดกว่า 1 พัน 6 แสนล้านหยวน (ราว 8 พัน 2 ร้อยล้านบาท) ก่อนจะก้าวกระโดดไปใกล้หลัก 3 พันล้านหยวน (ราว 1 หมื่น 5 พันล้านบาท) ใน 20 นาทีแรกของวัน โดยหลังผ่านพ้นไป 6 ชม. มูลค่าการซื้อ-ขายสินค้าก็แตะหลัก 10,000 ล้านหยวน (ราว 5 หมื่นล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของ AdMaster พบว่า สินค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากขาช้อปชาวจีน และมีแนวโน้มการซื้อมากที่สุด ยังคงเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ สินค้าไอที และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
“แต่ละแบรนด์ควรสร้างภาพลักษณ์และเร่งเพิ่มปริมาณการขาย เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดให้ได้มากที่สุดในเวลาเช่นนี้ ... และอย่าลืมที่จะควบคุมดูแลระบบการขนส่ง การบริการ และคุณภาพของสินค้าให้คงที่อยู่เสมอ เพราะมันเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยสร้างแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น” วิลสัน เฉิน หนึ่งในผู้บริหารของ AdMaster กล่าว
อนึ่ง จากการรายงานของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ช (E-Commerce) นับเป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญและส่งอิทธิพลต่อเศรษฐกิจจีน เนื่องด้วยเม็ดเงินที่หมุนเวียนถึง 8.1 ล้านล้านหยวน หรือราว 40 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะทีมอลล์ ซึ่งปิดตลาดที่ 1 หมื่น 3 พันล้านหยวน (ราว 6 หมื่น 6 พันล้านบาท) และเถาเป่าเก็บไปที่ 5 พัน 9 ร้อยล้านหยวน (ราว 3 หมื่นล้านบาท) ในช่วงระยะเวลาแค่ 24 ชม.ของเทศกาลวันคนโสดในปีก่อน