เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ - สื่อจีนเตือนซื้อข้าวในฮ่องกงมากเกินไป อาจทำให้ติดคุกได้ หวั่นซ้ำรอยแห่ไปฮ่องกงซื้อนมผงทารกก่อนหน้า หลังมีข่าวพบพบสารแคดเมียมในข้าวสารครึ่งหนึ่งที่ปลูกในมณฑลกวางโจว ของจีน
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงาน (21 พ.ค.) อ้างบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์กวางโจว ระบุว่า ให้ผู้ซื้อจีนระวัง ซื้อข้าวที่ฮ่องกงในปริมาณมาก อาจติดคุกได้เพราะมีความผิดฐานละเมิดกฎการส่งออกสินค้าจำเป็นของฮ่องกง หลังชาวจีนบุกฮ่องกงเพื่อซื้อนมผงเด็กจนสินค้าขาดตลาดเมื่อปีก่อน
รายงานข่าวกล่าวว่า ภาวะการซื้อข้าวสารของชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากข่าวลือว่าปริมาณข้าวสารครึ่งหนึ่งที่ปลูกในมณฑลกวางโจว มีสารแคดเมียมปนเปื้อน ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนจำนวนมากต่างหวาดกลัว
เซาท์เทิร์น เมโทรโปลิส เดลี่ รายงานว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในฮ่องกงฉวยโอกาสนี้ เสนอขายข้าวสารลดราคา เพื่อดึงดูดใจผู้ซื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้ “ข้าว” กลายเป็นประเด็นความขัดแย้งอีกครั้งระหว่างจีนกับฮ่องกง เช่นเดียวกับปัญหานมผงเด็กในฮ่องกงเกิดภาวะขาดตลาดเมื่อไม่นานมานี้ จนทางการฮ่องกงต้องออกมาประกาศมาตรการ จำกัดการซื้อนมผงของผู้บริโภคชาวจีนให้อยู่ที่สองกระป๋องต่อคนเท่านั้น
ในปี พ.ศ. 2551 จีนตรวจพบสารเมลามีนปนเปื้อนอยู่ในนมผงเด็กที่วางขายตามท้องตลาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อร่างกายผู้บริโภคชาวจีนกว่า 300,000 รายและในเด็กทารกกว่า 50,000 ราย โดยมีทารก 6 รายที่เสียชีวิตจากการดื่มนมปนเปื้อนนี้
ทั้งนี้ ทางการฮ่องกงได้ดำเนินมาตรการปกป้องผู้บริโภคท้องถิ่นด้วยการใช้กฎหมายสินค้าโภคภัณฑ์สำรอง ซึ่ง “ข้าว” ถูกจัดเป็นสินค้าโภคภัณฑ์สำรองในช่วงทศวรรษ 1950 (พ.ศ. 2493 - พ.ศ. 2502) เป็นต้นมา โดยมีข้อกำหนดว่าการจัดซื้อใดๆ ที่มิใช่เพื่อการบริโภคส่วนบุคคลหรือเพื่อเป็นของกำนัลในปริมาณมากกว่า 15 กิโลกรัม จำต้องได้รับใบอนุญาตในการซื้อทุกครั้ง
การควบคุมการซื้อขายสินค้าข้าวในตลาดนี้ เป็นการดำเนินนโยบายการสำรองปริมาณข้าวในกรณีเกิดภาวะฉุกเฉินหรือภาวะขาดแคลนสำหรับผู้บริโภคท้องถิ่น ดังเช่นไตรมาสที่สี่ของปี พ.ศ. 2555 ที่ทางการได้สำรองข้าวอย่างน้อย 12,300 ตันไว้ในคลังสินค้าข้าวของตนเอง