เอเยนซี - ผู้นำจีนแถลงที่รัฐสภา ประเทศอินโดนีเซีย พร้อมที่จะกระชับความสัมพันธ์ทั้งทางการเมืองและความไว้วางใจกันระหว่างสมาชิกประเทศอาเซียน มั่นใจถ้าร่วมมือกันผลักดันการค้าอาเซียนทะลุเป้า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี พ.ศ. 2563 แน่นอน
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์รายงาน (4 ต.ค.) อ้างคำแถลงของนาย สี จิ้งผิง ประธานาธิบดีจีน ที่รัฐสภา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ว่า จะเพิ่มการลงทุนยังกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะเดียวกันก็พักปล่อยวางข้อพิพาททะเลจีนใต้ไว้ก่อน และย้ำว่าจีนมีความพร้อมที่จะกระชับความสัมพันธ์ทั้งทางการเมืองและความไว้วางใจกันระหว่างสมาชิกประเทศอาเซียน รวมไปถึงการปรับความสัมพันธ์เพื่อแก้ไขความตึงเครียดเกี่ยวกับข้อพิพาททะเลจีนใต้
ผู้เชี่ยวชาญบางคนวิเคราะห์ว่า นี่เป็นนโยบายการต่างประเทศใหม่ของนายสี โดยขณะที่ไม่ยอมให้ความขัดแย้งเขตแดนมากระทบการค้าขาย ประธานาธิบดีจีนยังใช้การเดินทางเยือนครั้งนี้ เพื่อเน้นนำบทบาทของจีนในฐานะหุ้นส่วนหลักทางการค้าของภูมิภาคอาเซียน นอกจากนั้้น นายสี ยังได้กล่าวในรัฐสภาของอินโดนีเซียว่า จะผลักดันมูลค่าการค้าของกลุ่มอาเซียนให้บรรลุถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน ปีพ.ศ. 2563
เอียน สตอรี ผู้เชี่ยวชาญกิจการภูมิภาคอาเซียน จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์การค้าระหว่างจีนกับชาติอาเซียนขยายอย่างรวดเร็ว แม้จะอยู่ในบรรยากาศตึงเครียดพิพาทน่านน้ำทางทะเล ซึ่งบ่งชี้ว่า จีนไม่เพียงเป็นหุ้นส่วนการค้าที่สำคัญ แต่ยังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ของภูมิภาคนี้ด้วย
ศาสตราจารย์ จาง หมิงเหลียง ผู้เชี่ยวชาญกิจการต่างประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากมหาวิทยาลัยจี่หนัน กล่าวว่า คำแถลงของนาย สี จิ้นผิง มีนัยยะเน้นย้ำบทบาทของจีนในภูมิภาคนี้
สตอรี่ กล่าวว่าอินโดนีเซียได้ช่วยในการเรียกคืนความไว้วางใจกันระหว่างอาเซียน และพยายามที่จะลดความเสียหาย หลังจากการประชุมถกเถียงไม่ลงรอยในหมู่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่พนมเปญ เมื่อปีที่ผ่านมา จนล้มเหลวในการออกแถลงการณ์ความร่วมมือของภูมิภาคอาเซียน อันจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 45 ปี
ด้าน ศ.จาง ก็กล่าวว่า เวลานี้ จนถึงอนาคตอันใกล้ ปัญหาเขตแดนคงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดในการหารือระดับภูมิภาค ซึ่งจีนก็แสดงความยินยอมพร้อมใจที่จะร่วมหารือกับบรรดาชาติสมาชิกในอาเซียน เพื่อวางการรับรองระเบียบในการปฏิบัติ (ซีโอซี) ในหมู่สมาชิก
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมวางระเบียบในการปฏิบัติ (ซีโอซี) ในหมู่สมาชิกประเทศอาเซียน ที่เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู อย่างไรก็ตาม สตอรี่กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในสาระสำคัญอะไรนัก ขณะที่จีนเองก็ดูเหมือนจะอยู่ในสถานะที่คุมจังหวะและนำประเด็นหารือ เหนือกว่าชาติอื่นๆ