บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียนเพิ่มความพยายามในวันพฤหัสบดี(25) เพื่อนำเอาจีนเข้ามาร่วมในกลไกแบบพหุภาคีซึ่งมุ่งคลี่คลายความขัดแย้งในภูมิภาคแถบนี้ โดยตกลงเห็นพ้องกันตามข้อเสนอของฝ่ายไทย ที่จะหาทางเพื่อให้เหล่าชาติสมาชิกอาเซียนเองบรรลุจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับข้อพิพาททะเลจีนใต้ ก่อนหน้าการหารือในกรุงปักกิ่งตามที่วางแผนเอาไว้
อาเซียนใช้ความพยายามอย่างมากในปีที่แล้วเพื่อร่างแนวทางปฏิบัติ (code of conduct) ในการจัดการกับความตึงเครียดต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ทว่าต้องประสบความล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิง ณ การประชุมระดับผู้นำที่กัมพูชา โดยที่เป็นครั้งแรกซึ่งการประชุมซัมมิตอาเซียนเช่นนี้ ไม่สามารถแม้กระทั่งออกคำแถลงของประธานในตอนปิดประชุมได้
กัมพูชา ที่เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดยิ่งของจีนนั้น ถูกหลายชาติสมาชิกอาเซียนกล่าวหาว่า อาศัยฐานะการเป็นประธานอาเซียนในปี 2012 ของตน กีดกันขัดขวางไม่ให้นำประเด็นปัญหานี้บรรจุเอาไว้ในวาระการประชุม ทั้งๆ ที่กำลังเกิดความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่พิพาทต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ตลอดจนมีความกังวลกันยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับท่าทีอันแข็งกร้าวของจีนซึ่งมุ่งมั่นบังคับอ้างกรรมสิทธิ์เหนืออาณาเขตแทบจะทั้งหมดของทะเลดังกล่าว ที่เป็นการอ้างทับซ้อนกับ 4 ชาติสมาชิกอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ที่ต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่บางส่วน ตลอดจนกับไต้หวัน
สำหรับความริเริ่มที่ออกมาในวันพฤหัสบดี บังเกิดขึ้นในขณะที่เหล่าผู้นำอาเซียนพยายามที่จะลบความแตกต่างที่เขย่าพวกเขาอย่างรุนแรงในปีที่แล้ว แต่ก็ต้องต่อสู้กันหนักทีเดียวในการผลักดันให้เกิดความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างแนวทางปฏิบัติ ซึ่งอาเซียนวาดหวังว่าจะสามารถใช้เป็นกลไกในการบริหารจัดการข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ได้
ทั้งนี้ ตามการแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์ตี นาตาเลกาวา แห่งอินโดนีเซีย ไทยในฐานะที่ได้รับมอบหมายบทบาทจากอาเซียนให้เป็นชาติผู้ประสานงานกับจีน ได้เรียกร้องให้จัดการพูดจาหารือกันในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนเอง ก่อนหน้าการประชุมอาเซียน-จีน ซึ่งคาดหมายกันว่าจะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมปีนี้ เพื่อรำลึกวาระครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่ที่ทั้งสองฝ่ายได้ก่อตั้ง “ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ระหว่างกันขึ้นมา
การประชุมระดับผู้นำของอาเซียนคราวนี้ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่วันพุธ(24) สามารถปิดลงด้วยคำแถลงของประธานการประชุมปีนี้ ซึ่งก็คือบรูไน ที่มีเนื้อหาเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางทะเลภายในภูมิภาค
อาเซียนใช้ความพยายามอย่างมากในปีที่แล้วเพื่อร่างแนวทางปฏิบัติ (code of conduct) ในการจัดการกับความตึงเครียดต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ทว่าต้องประสบความล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิง ณ การประชุมระดับผู้นำที่กัมพูชา โดยที่เป็นครั้งแรกซึ่งการประชุมซัมมิตอาเซียนเช่นนี้ ไม่สามารถแม้กระทั่งออกคำแถลงของประธานในตอนปิดประชุมได้
กัมพูชา ที่เป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดยิ่งของจีนนั้น ถูกหลายชาติสมาชิกอาเซียนกล่าวหาว่า อาศัยฐานะการเป็นประธานอาเซียนในปี 2012 ของตน กีดกันขัดขวางไม่ให้นำประเด็นปัญหานี้บรรจุเอาไว้ในวาระการประชุม ทั้งๆ ที่กำลังเกิดความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่พิพาทต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ตลอดจนมีความกังวลกันยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับท่าทีอันแข็งกร้าวของจีนซึ่งมุ่งมั่นบังคับอ้างกรรมสิทธิ์เหนืออาณาเขตแทบจะทั้งหมดของทะเลดังกล่าว ที่เป็นการอ้างทับซ้อนกับ 4 ชาติสมาชิกอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ที่ต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่บางส่วน ตลอดจนกับไต้หวัน
สำหรับความริเริ่มที่ออกมาในวันพฤหัสบดี บังเกิดขึ้นในขณะที่เหล่าผู้นำอาเซียนพยายามที่จะลบความแตกต่างที่เขย่าพวกเขาอย่างรุนแรงในปีที่แล้ว แต่ก็ต้องต่อสู้กันหนักทีเดียวในการผลักดันให้เกิดความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างแนวทางปฏิบัติ ซึ่งอาเซียนวาดหวังว่าจะสามารถใช้เป็นกลไกในการบริหารจัดการข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ได้
ทั้งนี้ ตามการแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์ตี นาตาเลกาวา แห่งอินโดนีเซีย ไทยในฐานะที่ได้รับมอบหมายบทบาทจากอาเซียนให้เป็นชาติผู้ประสานงานกับจีน ได้เรียกร้องให้จัดการพูดจาหารือกันในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนเอง ก่อนหน้าการประชุมอาเซียน-จีน ซึ่งคาดหมายกันว่าจะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมปีนี้ เพื่อรำลึกวาระครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่ที่ทั้งสองฝ่ายได้ก่อตั้ง “ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ระหว่างกันขึ้นมา
การประชุมระดับผู้นำของอาเซียนคราวนี้ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่วันพุธ(24) สามารถปิดลงด้วยคำแถลงของประธานการประชุมปีนี้ ซึ่งก็คือบรูไน ที่มีเนื้อหาเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงทางทะเลภายในภูมิภาค