ชาวเน็ตแดนมังกรชื่นชม … ประชาธิปไตยในไต้หวันเบ่งบาน

เอเยนซี - สืบเนื่องจากการการชุมนุมประท้วงของชาวไต้หวันกว่า 200,000 คน ณ ด้านหน้าทำเนียบประธานาธิบดีกลางกรุงไทเป เมื่อวันเสาร์ (3 ส.ค.) ที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกรณีของนายหง จ้งชิว พลทหารหนุ่มวัย 24 ปี ที่ถูกสั่งลงโทษในค่ายทหารจนเสียชีวิต เพียงเพราะพกโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย โดยเมื่อข่าวการประท้วงทวงคืนความเป็นธรรมนี้แพร่สะพัดออกไป ชาวเน็ตจีนจำนวนมากต่างพากันแสดงความคิดเห็นชื่นชม “ความเป็นประชาธิปไตย” บนเกาะไต้หวันอย่างล้นหลาม

รายงานข่าวกล่าวว่า จากเหตุการรวมตัวเรียกร้องความยุติธรรมของชาวไต้หวัน เมื่อวันเสาร์ (3 ส.ค.) ที่ผ่านมา ได้เรียกเสียงชื่นชมและประทับใจจากชาวเน็ตจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “เสรีภาพและประชาธิปไตย” ของชาวไต้หวัน ที่ดูมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่าประชาชนแดนมังกร เกิดกระแสความคิดเห็นและการเปรียบเทียบระหว่างสองแผ่นดินอย่างกว้างขวาง

“ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดบนแผ่นดินจีน จะมีใครกล้าเข้าร่วมประท้วงไหม … เพราะแม้แต่ตัวคนร้องเรียนเองยังอาจถูกจับโยนเข้าซังเตได้เลย” ชาวเน็ตจีนรายหนึ่งโพสต์ข้อความลงในเวยปั๋ว (คล้ายทวิตเตอร์)

“จีนและไต้หวันล้วนมีความคิดทางศีลธรรมอันดีงามเหมือนกัน … แต่ที่ต่างกันอย่างมากคือ ไต้หวันมีอิสระและเสรีภาพ!” ชาวเน็ตจีนอีกรายกล่าว

นอกจากนี้ ชาวเน็ตจีนบางคนยังยกกรณีของพลทหารหง จ้งชิวนี้ ไปเปรียบเทียบกับการเสียชีวิตของนายเติ้ง เจิ้งจยา พ่อค้าขายผลไม้ในมณฑลหูหนันที่เสียชีวิตจากน้ำมือเทศกิจจีน ซึ่งก็มีกลุ่มผู้ประท้วงชาวจีนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมตามท้องถนน ทว่า กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นายเข้าควบคุมจนค้องล้มเลิกไป

อีกทั้งชาวเน็ตจีนบางรายก็นำสโลแกน “ความฝันของจีน” ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศเป็นแนวคิดหลักในการนำพาประเทศสู่ความสำเร็จมาล้อเลียน โดยกล่าวว่า “ไม่มีทางหาสิ่งเหล่านั้นเจอในแผ่นดินจีนแน่นอน”

“จากเหตุการณ์ดังกล่าว ฉันไม่แปลกใจที่ชาวไต้หวันจะไม่อยากกลับมาอยู่ใต้การปกครองของจีน … ฉันคิดว่า “ความฝันของจีน” ที่แท้จริงอยู่ที่ไต้หวัน ไม่ใช่บนแผ่นดินใหญ่นี้หรอก”

“ชาวไต้หวันได้ช่วยรักษาจริยปรัชญาของขงจื่อ อันเป็นวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม และปกป้องสิทธิมนุษยชน อิสระเสรีภาพของการแสดงออกอย่างชัดเจน” ชาวเน็ตจีนกล่าว

ทั้งนี้ ชาวเน็ตในไต้หวันก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าวผ่านหน้าเว็ปไซต์เฟสบุ๊ค วิตกกังวลถึงกรณีการเสียชีวิตของพลทหารหง จ้งชิว และวิพากษ์วิจารณ์เหล่าผู้นำกองทัพไต้หวันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน

“มันถึงเวลาที่ต้องใช้ศาลเตี้ยมาตัดสินลงโทษคนผิดแล้ว … ไอพวกเจ้าหน้าที่กองทัพที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้ ต้องถูกกำจัดออกไปให้หมด เพราะพวกมันคิดเอาเองว่า พวกมันได้อยู่เหนือกฎหมายมาตลอด” ชาวเน็ตไต้หวันผู้หนึ่งกล่าวผ่านเฟสบุ๊ค

“พวกเราต้องช่วยกันสานต่อเรื่องนี้ ให้ครอบครัวของพลทหารหงได้รับความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด เพราะถ้าไม่ทำแล้ว มันคงจะจางหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างที่แล้วมา”

อนึ่ง การชุมนุมประท้วงของชาวไต้หวันกว่า 2 แสนคน เมื่อวันเสาร์ (3 ส.ค.) นับเป็นการรวมตัวครั้งที่สอง โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ชาวไต้หวันกว่า 30,000 คน ได้เคยออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมร่วมกันที่ด้านหน้าสำนักงานกระทรวงกลาโหมในกรุงไทเป ซึ่งทำให้นายเกา หวาชู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น ต้องลาออกจากตำแหน่งไป เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีความผิดพลาดดังกล่าว ส่วนประธานาธิบดีหม่า อิงจิ๋ว ของไต้หวัน ได้เดินทางไปแสดงความขอโทษต่อครอบครัวของพลทหารหง เมื่อวันอาทิตย์ (4 ส.ค.) ที่ผ่านมา แต่ก็ถูกกลุ่มผู้ไม่พอใจนับร้อยเข้าปิดล้อมขณะเข้าเยี่ยมเยือนด้วย

พลทหารหง จ้งชิว อายุ 24 ปี เสียชีวิตด้วยอาการบาดเจ็บและอวัยวะภายในบอบช้ำสาหัส เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเขาถูกสั่งลงโทษคุมขังเป็นเวลากว่าสัปดาห์จากความผิดฐานพกโทรศัพท์มือถือติดตัวมาด้วย และเมื่อถูกปล่อยตัว เขาก็ถูกสั่งให้เข้าร่วมการฝึกซ้อมอย่างหนักต่อทันที

โดยผลการสอบสวนได้ทำให้เกิดการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 18 นาย ทว่า กลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวไต้หวันได้ประณามการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่เหล่านั้นว่า “เป็นไปอย่างเร่งรีบและหละหลวม” เนื่องจากมีจ่าทหารเพียงคนเดียวที่ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท ขณะที่คนอื่นๆ ถูกฟ้องร้องในข้อหาที่เบากว่า และได้รับอนุญาตให้ประกันตัวไปก่อนการประท้วงในวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา