เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - กาน่าแหล่งผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 2 ของกาฬทวีป รองจากแอฟริกาใต้ มีผู้คนมากมายในเมืองซั่งหลิน เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซี (กวางสี) ฝันจะไปขุดทองที่นั่น และกลับมาตุภูมิในสภาพเศรษฐี
เวิน หย่งหลิน หนุ่มนักขุดแร่ วัย 34 ปีก็เช่นเดียวกัน
ทว่ามันเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ
เพราะถึงแม้ เวินได้ไปกาน่าจริง ๆ แต่สุดท้ายก็เหลือแค่กระเป๋าเดินทางใบเดียว ซมซานกลับมา มิหนำซ้ำ ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน หลบซ่อนอยู่ในป่าเกือบเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น พอกลับมาถึงบ้านยังเจอกับหนี้สินก้อนโต ที่กู้จากธนาคาร เพื่อเป็นทุนรอนในการขุดทอง
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับทวีปแอฟริกาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหมือนคู่ตุนาหงัน ที่สวรรค์สรรค์สร้าง
แอฟริกาดาษดื่นไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ที่พญามังกรกระหาย และไม่เกี่ยงงอนเรื่องสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาประชาธิปไตย เมื่อให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศเหมือนชาติตะวันตก
กระแสตื่นทองในกาน่าอุบัติขึ้นในช่วงปี 2549 เมื่อข่าวนักผจญภัยรุ่นแรกรวยกันเป็นว่าเล่นแพร่สะพัด กระทั่งมีลูกมังกรเข้าไปอยู่ในกาน่ามากถึง 5 หมื่นคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากหมู่บ้านยากจนในเมืองซั่งหลิน พวกเขาทำเหมืองทองคำขนาดเล็กกว่า 2 พันแห่งที่นั่น
ทว่าช่วงฮันนีมูนช่างสั้นนัก
จู่ ๆ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ทางการกาน่าก็เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างพวกต่างชาติที่เข้ามาทำเหมืองเถื่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีน โดยชาวจีนถูกจับไปหลายร้อยคน นอกจากนั้น แก๊งมิจฉาชีพยังก่อเหตุปล้นทำร้ายคนจีน
โรงแรมและซูเปอร์มาร์เกตที่เป็นของคนจีนถูกปล้นเกือบหมด บางครั้งลงมือโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียเอง
การร้องขอการคุ้มครองจากกระทรวงต่างประเทศกรุงปักกิ่งไม่เป็นผล
“พวกเขาคิดว่า การปล้นทำร้ายคนจีนเป็นสิ่ง ที่ได้รับอนุญาต ไม่ขัดกับหลักยุติธรรม เพราะทั้งรัฐบาลของกาน่าและจีนเองประกาศแล้วว่าคนจีนเป็นพวกผิดกฎหมาย และเข้ามาทำเหมืองแร่ในกาน่าอย่างไม่ถูกต้อง” เวินเล่า
สถานทูตกาน่าในจีนระบุว่า ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างกระทรวง เพื่อปราบปรามพวกทำเหมืองเถื่อน ทั้งจับกุมผู้กระทำผิด ยึดอุปกรณ์เครื่องมือ ฟ้องดำเนินคดี เนรเทศคนนอกสัญชาติกาน่า และเพิกถอนใบอนุญาตชาวกาน่า ที่ได้รับสัมปทานทำเหมืองทองคำ แต่ให้คนต่างด้าวเช่าทำต่ออีกทอดหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนมา จึงเห็นคนเมืองซั่งหลินทยอยกลับบ้านเกิดเมืองนอนวันละยี่สิบสามสิบคน
“ ถ้าคุณเห็นผู้ชายเดินคอตกออกมาจากสถานีขนส่ง เนื้อตัวดำคล้ำ ถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก ๆ นั่นล่ะมาจากกาน่าแน่นอน” คนขับรถโดยสารประจำทางให้ข้อมูล
“ผมยังโชคดี ที่เดินทางออกมาได้ แต่คนจีนอีกหลายพันยังติดอยู่ในกรุง อักกรา (Accra) รอตั๋วเครื่องบินกัน ค่าตั๋วพุ่งจาก 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 1,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ” หวง กั๊วะหลง คนงานเหมืองอีกคน ที่เพิ่งกลับมาเล่า
“เงินที่ผมเอาติดตัวมาทั้งเซดีของกาน่า หรือยูเอสดอลลาร์ ถูกยึดที่สนามบินเกลี้ยง ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว นอกจากเจ็บปวด และกลัว มีชาวจีนหลายพันคนยังตกอยู่ในอันตรายในกาน่า พวกเขาอยากกลับบ้านเหลือเกิน แต่รัฐบาลของเราไปอยู่ที่ไหนกัน” หวงระบายความคับแค้น
ส่วนหุน่มเวินนั้น ความฝันของเขาแหลกลาญ เมื่อตำรวจกาน่าบุกเผาเหมืองทองขนาดเล็กในเมืองดันควา (Dunkwa) ทางภาคกลาง ที่เขาหุ้นทำกับเพื่อนชาวจีน จนวอดวาย ทั้งหมดต้องซ่อนตัวอยู่ในป่าอยู่นาน 3 สัปดาห์ ในที่สุด จึงยอมตัดใจ มุ่งหน้าไปสนามบิน เครื่องจักร รถบรรทุก และอุปกรณ์มูลค่าหลายล้านหยวนถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างแสนใจหาย
แม้หนีออกมาได้ ชีวิตก็ยังไม่ลงตัวด้วยหนี้สินก้อนใหญ่จากการกู้ยืมธนาคาร เพื่อนำไปซื้อเครื่องจักร เครื่องไม้เครื่องมือในการทำเหมือง
เวินเล่าถึงกิจการทำเหมืองที่นั่นว่า เมื่อหักต้นทุน ซึ่งรวมทั้งค่าน้ำมันดีเซล ค่าแรงคนงาน และจ่ายทองที่ขุดได้ร้อยละ 20 ให้แก่หัวหน้าเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นแล้ว พวกเขาเหลือทองคำแค่ 20 กรัมในแต่ละวันเท่านั้น
เวินมีหนี้รวมทั้งหมดกว่า 5 แสนหยวน เทียบกับจีดีพีเฉลี่ยต่อประชากร 1 คนในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกว่างซีอยู่ที่ 27,832 หยวนเมื่อปีที่แล้วจากการวิจัยของดอยช์แบงก์
คนงานเหมืองของจีนลงทุนในกาน่าไปหลายพันล้านหยวน ตั้งแต่ปี 2549 โดยแต่ละเหมืองต้องใช้ต้นทุนดำเนินการประมาณ 3 ล้านหยวน
“คนงานเหมืองส่วนใหญ่หมดตัวครับ เพราะถูกปล้น เครื่องมือทำมาหากินถูกยึดทั้งหมด’” ซู เจิ้นอวี้ เลขาธิการสมาคมการทำเหมืองแร่ของชาวจีนในกาน่าระบุ
“นักธุรกิจ ครู พวกคนหนุ่มที่ตกงาน หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเอง เกือบทุกครอบครัวในซั่งหลิน พยายามขอกู้เงินจากแบงก์ และจากญาติพี่น้อง เพื่อนำไปลงทุน ในเมืองของผม มีแต่ผู้ชายที่ร่างกายพิการเท่านั้นแหละ ที่ไม่มีโครงการไปกาน่า” เวินเสริม
ทว่าแม้ผ่านขุมนรกในกาน่ามาแล้ว แต่จนถึงวันนี้หลายคนยังหอมกลิ่นทองคำกาฬทวีป และคิดหวนกลับไปที่นั่นอีกครั้ง
แต่ไม่ใช่ที่กาน่า อาจจะเป็นประเทศใกล้เคียงที่ไหนสักแห่งอย่างคาเมรูน
ซั่งหลินยากจนแร้นแค้นเกินไป ถ้าพวกเขาหันไปทำนา หรือยึดอาชีพแรงงานอพยพก็คงไม่ไหว
การขุดทองคำที่แอฟริกาเป็นหนทางเดียว ที่พวกเขาจะหาเงินใช้หนี้ได้หมด
“เราเรียนรู้ประสบการณ์จากกาน่ามาเยอะ รู้จักทักษะการทำเหมือง และติดต่อสื่อสารกับคนพื้นเมืองในแอฟริกา การหาทุนรอนสำหรับเครื่องมือที่จำเป็นและเดินทางไปแอฟริกาเท่านั้น ที่เป็นความหวังเดียวของพวกเราครับ”
ถ้อยคำ ซึ่งยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังพรั่งพรูจากปากของเวิน