จีนจับกุมนักเคลื่อนไหว ข้อหาปลุกผีเทียนอันเหมินขึ้นมาใหม่

รอยเตอร์ส - ตำรวจจีนได้เข้าจับกุมชายคนหนึ่ง พร้อมตั้งข้อหาพยายามรื้อฟื้นการประท้วงเหตุการณ์สังหารหมู่ผู้ชุมนุมหัวประชาธิปไตย ณ จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อปี 2532 ขึ้นมาอีก ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่า พรรคคอมมิวนิสต์เริ่มหมดความอดทนกับผู้ที่มีความเห็นแตกต่างแล้ว

ตำรวจในมณฑลเจียงซู ได้เข้าจับกุมนายกู่ อี้หมิน ซึ่งเป็นแรงงานรับจ้างไม่ประจำ เมื่อวันศุกร์ (14 มิ.ย.) ในข้อหายั่วยุบ่อนทำลายอำนาจรัฐบาล นับเป็นครั้งแรกที่ข้อหานี้ถูกงัดขึ้นมาใช้อีก นับแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงขึ้นนั่งเก้าอี้ผู้นำสูงสุดแดนมังกรเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

ภรรยาของกู่เผย นายกู่ได้ถูกกักตัวไว้ในศูนย์กักขังเมืองชังซู่ มณฑลเจียงซู ขณะนี้สื่อมวลชนไม่สามารถติดต่อศูนย์ดังกล่าวเพื่อทำการสัมภาษณ์ได้

ข้อหายั่วยุบ่อนทำลายฯ เป็นข้อหาที่ไว้ใช้กำราบผู้ที่มีความเห็นไม่ลงรอยหรือแสดงทัศนะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์

ข้อหาของนายกู่ในครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งในชุดปฏิบัติการของตำรวจ ที่เคยประกาศเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาว่า จะจัดการกับผู้ที่เรียกร้องการชุมนุมอิสระอย่างเข้มงวด

มายา หวัง นักวิจัยศูนย์ติดตามสิทธิมนุษยชนฯ เผยว่า ระหว่างช่วงปลายเดือนมี.ค.เข้าสู่เดือนเม.ย. เจ้าหน้าที่จีนได้กักขังนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านคอร์รัปชั่นจำนวน 15 ราย เนื่องจากออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลเปิดเผยสินทรัพย์ต่อสาธารณะ

นายกู่ วัย 37 ปี ได้ร้องขออนุญาตในเดือนพ.ค. เพื่อเดินขบวนในวันที่ 4 มิ.ย. โอกาสครบรอบ 24 ปี เหตุการณ์นองเลือดหลังการปราบปรามผู้ชุมนุม ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง นางซีว์ เหยียน ผู้ภรรยากล่าวเล่าให้นักข่าวรอยเตอร์สฟัง พร้อมเสริมว่า รัฐบาลจีนปฏิเสธข้อเรียกร้องของนายกู่

นายกู่ยังได้ส่งต่อภาพรำลึกเหตุการณ์ฯ เพื่อการเคลื่อนไหวจำนวนมากทางไมโครบล็อกส่วนตัวของเขา ภาพหนึ่งมีข้อความเขียนว่า "วันสิ้นปีเป็นวันถอดถอนพรรคคอมมิวนิสต์... เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ประชาชนถูกสังหารหมู่"

นางซีว์ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า "นายกู่ต้องการจะรื้อฟื้นบางส่วนตอนของประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้คนได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ 4 มิ.ย.มากขึ้น" เธอบอกว่า ข้อหาที่สามีได้รับหนักเกินไป คนธรรมดาจะไปเป็นภัยต่ออำนาจรัฐบาลได้มากขนาดนั้นเชียวหรือ ถ้าเช่นนั้น อำนาจรัฐก็คงจะสั่นคลอนได้ง่ายเกินไปแล้ว

การแสดงความเห็นต่อเรื่องอ่อนไหวทางการเมืองยังคงเป็นเรื่องต้องห้ามในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ 3-4 มิ.ย. 2532 ที่ผู้นำจีนสั่งกองทัพออกมาบดขยี้ผู้ชุมนุมฯ พร้อมส่งรถถังเหยียบนักศึกษาที่ออกมารณรงค์นำขบวน สังหารไปจำนวนหลายร้อยคน

พรรคคอมมิวนิสต์จีนห้ามการอ้างถึงเหตุการณ์ดังกล่าวทางสื่อมวลชน อินเทอร์เน็ตและหนังสือ ซึ่งหมายความว่า เยาวชนจีนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับรู้หรือสนใจเหตุการณ์เหล่านี้อีก

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรัฐบอกกับนางซีว์ว่า อาชญากรรมที่สามีถูกตั้งข้อหานั้นเป็นเรื่องการส่งต่อภาพและเขียนข้อความอ้างอิงถึงเหตุการณ์ 4 มิ.ย. โดยเมื่อวันอังคาร (18 มิ.ย.) ตำรวจได้มาที่บ้านเธอและถอดอุปกรณ์เชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (เราต์เตอร์) ไป บอกว่าต้องตรวจสอบคดีอาชญากรรม

การขึ้นสู่อำนาจของผู้นำ สี จิ้นผิง หลังจากการเปลี่ยนถ่ายอำนาจผู้นำล่าสุดเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ได้กลายเป็นความหวังของชาวจีนหลายคนว่าจะมีการปฏิรูปการเมือง เนื่องจากหลายคนมองการใช้ชีวิตของสี ว่าสมถะเป็นกันเอง ซึ่งคล้ายกับบิดาสี จงสวิน อดีตรองนายกนักปฏิรูปฯ คนหนึ่งของจีน

ทว่า นักสิทธิมนุษยชนหลายคนก็บอกว่า ขณะนี้เริ่มเห็นรูปแบบการจัดการกับนักเคลื่อนไหวที่ไม่ต่างไปจากเดิม ทำให้ความหวังใหม่มลายไปสิ้น