xs
xsm
sm
md
lg

จีนเตรียมเปิด ถนนก๊าซคาร์บอนต่ำสายแรกของประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จีนเตรียมเปิดใช้ถนนก๊าซคาร์บอนต่ำสายแรก ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ไขปัญหามลพิษในอากาศ ที่กำลังรุมเร้าจีน - รอยเตอร์
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ถนนก๊าซคาร์บอนต่ำสายแรกบนแดนมังกรเตรียมเปิดให้รถราสัญจรได้ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการก่อสร้างถนนช่วง ที่ยากลำบากที่สุดไปแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ ที่ผ่านมา

ถนนสายสีเขียวเส้นนี้เป็นทางด่วน ซึ่งมีระยะทาง 251 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างเมืองฉงชิ่งกับเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน จะช่วยย่นระยะเวลาในการขับรถระหว่างเมืองทั้งสองจาก 3 ชั่วโมงกว่า เหลือประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยถนนช่วงผ่านเมืองฉงชิ่ง ซึ่งมีระยะทาง 78 กิโลเมตร ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยไปเมื่อวันเสาร์ ( 8 มิ.ย.)

กระทรวงการขนส่งของจีนระบุว่า ถนนก๊าซคาร์บอนต่ำและประหยัดพลังงานสายนี้เป็นถนนนำร่องของโครงการ ซึ่งมีทั้งหมด 6 สาย โดยอีกสายหนึ่งอยู่ในมณฑลหยุนหนัน มีระยะทางไกล 105.7 กิโลเมตร คาดว่า จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558

สำหรับถนนสีเขียวสายแรก ซึ่งมี 6 ช่องจราจรนี้ดำเนินการก่อสร้าง โดยบริษัทท้องถิ่น ซึ่งเป็นของรัฐ และบริษัทไชน่าเรลเวย์คอนสตรั๊กชั่นคอร์เปอเรชั่น ( China Railway Costruction Corporation) ด้วยงบประมาณจำนวน 8,600 ล้านหยวน

นายโหลว อี้ว์กัง หัวหน้าโครงการอธิบายที่เรียกถนนสายนี้ว่า ถนนก๊าซคาร์บอนต่ำและประหยัดพลังงาน ก็เนื่องจากในการก่อสร้างได้นำยางรถยนต์เก่ามารีไซเคิล แล้วนำไปผสมกับยางมะตอย เพื่อปูถนน นอกจากนั้น ระหว่างการก่อสร้างยังได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก โดยสามารถลดควันจากยางมะตอย ซึ่งมีมลพิษลงได้ถึงร้อยละ 90 และจะใช้หลอดไฟแอลอีดีให้แสงสว่างตลอดถนนทั้งสาย ซึ่งจะลดค่าไฟฟ้าได้ถึงปีละกว่า 2 ล้านหยวน

นอกจากนั้น ยังนำมาตรการอื่น ๆ มาใช้ เช่น การติดตั้งเครื่องเก็บตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ให้รถต้องจอดรอต่อแถวยาว

นายเค่อ หลินชุน รองผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและกฎระเบียบของกระทรวงการขนส่งเคยแถลงข่าวเมื่อปีที่แล้วว่า ถนนก๊าซคาร์บอนต่ำเป็นถนนแห่งอนาคต โดยนำแนวคิดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์มาใช้ในทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การวางแผนก่อสร้าง การออกแบบ การดำเนินการก่อสร้าง การเปิดการจราจร และการซ่อมบำรุง

การย่นระยะการเดินทางของรถระหว่างเมืองฉงชิ่งกับเมืองเฉิงตูคาดว่าจะลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งทางการจีนคาดว่า จะสามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 506,200 ตันภายในปี 2576
กำลังโหลดความคิดเห็น