xs
xsm
sm
md
lg

จีนไม่อภิรมย์ ภาพสี จิ้นผิงในชุดจักรพรรดิเฉียนหลงบนปกดิอีโคโนมิสต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ผ่านไปเพียงหกเดือนกว่า ๆ เท่านั้น หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ดิ อิโคโนมิสต์ (The Economist) ก็ได้นำภาพของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน มาขึ้นปกซ้ำอีกครั้งในฉบับวันที่ 4 พ.ค. ท่ามกลางความไม่พออกพอใจของรัฐบาลแดนมังกร

สี จิ้นผิงนุ่งอาภรณ์สมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ซึ่งเป็นหนึ่งในจักรพรรดิผู้ทรงมีอิทธิพลและประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์จีนอย่างสูง การเปลี่ยนชุดนุ่งห่มให้สี จิ้นผิงมีนัยยะทางประวัติศาสตร์แฝง ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าปักกิ่งย่อมรับไม่ได้ที่หนังสือพิมพ์วิเคราะห์เศรษฐกิจกระทำเช่นนี้ รัฐบาลปักกิ่งจึงได้สั่งเก็บและบล็อกเนื้อหาข่าวของหนังสือพิมพ์รายนี้ หลังจากที่มีการตีพิมพ์เผยแพร่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

นักวิเคราะห์ชี้ บางทีรัฐบาลปักกิ่งอาจจะรับไม่ได้กับการพาดหัวปกดิอีโคโนมิสต์ฉบับดังกล่าว ซึ่งเขียนตัวโต ๆ ว่า "นำพรรคฯ กลับไปสู่ปี 1793" หรือบางทีการจับสีแต่งชุดจักรพรรดิเฉียนหลง อาจเป็นสิ่งที่ปักกิ่งรับไม่ได้เป็นเรื่องที่สอง
ภาพปกหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์สองฉบับที่ลงภาพของสี จิ้นผิง (ภาพเอเยนซี)
เหตุใดต้องปี 1793

ปี 1793 เป็นปีเสมือนกุญแจดอกสำคัญไขประตูสู่หน้าประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ ดิอีโคโนมิสต์มีเจตนาที่ต้องการอธิบายประวัติศาสตร์สมัยที่จีนเป็นรัฐรวมอำนาจว่า ในปี 1793 ทูตชาวอังกฤษ ลอร์ด แมคคาร์ทนีย์ เดินทางมาถึงท้องพระโรงขององค์จักรพรรดิจีน มีความหวังว่าจะขอเปิดสถานทูตอังกฤษที่จีน พร้อมกันนั้นก็ได้พกของขวัญจากแดนผู้ดีที่เพิ่งผ่านการปฏิวัติอุตสาหกรรมมาหมาด ๆ มาถวายแด่องค์จักรพรรดิด้วย

"สมัยที่จักรพรรดิเฉียนหลงครองราชย์ จีนเป็นประเทศที่มีขนาดการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีกินสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก" ดิอีโคโนมิสต์เสริมต่อว่า จักรพรรดิจีนได้ยินดีต้อนรับในความนอบน้อมถ่อมตนและความเคารพเชื่อฟังของชาวอังกฤษ ทว่าจีนไม่ต้องการสิ่งของใด ๆ จากการพัฒนาอุตสาหกรรมของอังกฤษแม้เพียงนิด

แม้ว่าน้ำเสียงขององค์จักรพรรดิจีนจะไม่สนใจชาวอังกฤษเลยเมื่อ 220 ปีที่แล้ว จักรวรรดิอังกฤษก็ใช่ว่าถูกกีดขวางไม่ให้เข้าสู่จีนได้สำเร็จ การเดินทางเยือนจีนของลอร์ด แมคคาร์ทนีย์ เป็นสัญญาณการล่มสลายของราชวงศ์ชิง และได้ทำให้ระบอบการปกครองของจีนเปลี่ยน แม้กระทั่งโลกทั้งใบก็เปลี่ยนตาม

ย้อนกลับมามองปัจจุบัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของจีนไว้ว่า จะทำให้จีนเป็นดั่งฝันของประชาชน ซึ่งชาวจีนทุกคนจะต้องภาคภูมิใจ ดิอีโคโนมิสต์อาจจะเห็นว่า วิสัยทัศน์ของสี จิ้นผิง มีอะไรหลาย ๆ อย่างคล้ายกับของจักรพรรดิเฉียนหลง

"การที่สีเน้นย้ำไปที่ความยิ่งใหญ่ของประชาชาติก็เหมือนกับว่าได้ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์มีการปกครองที่คล้ายกับช่วงศตวรรษที่ 18 ที่จักรพรรดิราชวงศ์ชิงสั่งให้ทูตตะวันตกคุกเข่าโขกหัวคำนับ ซึ่งแมคคาร์ทนีย์ไม่ยอมทำตาม" ดิอีโคโนมิสต์กล่าว

แม้ว่าจะมีการเซ็นเซอร์กันอย่างหนัก ทั้งในเว็บไซต์ไมโครบล็อกสำคัญอย่างซิน่า เวยปั๋ว ทว่าชาวเน็ตบางคนก็เร็วพอที่จะบันทึกเนื้อหาและภาพปกของดิอีโคโนมิสต์ก่อนที่จะถูกรัฐบาลจีนบล็อกได้อย่างทันท่วงที

การปล่อยภาพสี จิ้นผิงในชุดจักรพรรดิขึ้นสู่โลกออนไลน์ต้องทำซ้ำไปซ้ำมาร้อยครั้ง พันครั้ง และแม้จะถูกรัฐบาลบล็อก ชาวเน็ตก็ยังพยายามอัพโหลดใหม่ ปฏิกิริยาของชาวเน็ตจีนกำลังครึกครื้นกับภาพดังกล่าว

"ผมชอบภาพนี้ ผมชอบสี จิ้นผิง ในฐานะที่เป็นคนจีนคนหนึ่ง ผมภูมิใจที่มีผู้นำอย่างสี" ชาวเน็ตเวยปั๋วคนหนึ่งแสดงความเห็น

ชาวเน็ตอีกรายเผยว่า จีน มีสี จิ้นผิง ก็เหมือนกับที่รัสเซีย มี วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งก็เป็นผู้นำที่สื่อตะวันตกสร้างภาพให้ดูเหมือนเป็นจอมจักรวรรดิ

อย่างไรก็ดี เครือดิอีโคโนมิสต์ก็เป็นสมาชิกในเวยปั๋ว ทว่าก็ไม่ได้นำภาพดังกล่าวไปแปะไว้ในหน้าบล็อกของตนเอง หน้าเว็บไซต์ก็ยังคงใช้งานได้ตามปรกติไม่ถูกสั่งปิดแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ปักกิ่งได้สั่งการลบเว็บบล็อกของสื่อต่างชาติอย่างนิวยอร์กไทมส์ หลังจากที่ได้ลงบทความเกี่ยวกับความมั่งคั่งของอดีตนายกรัฐมนตรี เวิน จยาเป่า รัฐบาลจีนควันออกหูตอบโต้ว่า นิวยอร์กไทมส์ปั้นน้ำเป็นตัว

ทั้งนี้ ดิอีโคโนมิสต์ก็เป็นนิตยสารและหนังสือพิมพ์ต่างชาติทั่วไปที่ไม่มีขายในร้านค้าบนแผ่นดินใหญ่ อาจจะมีให้เห็นบ้างประปรายตามโรงแรมหรูหรือสถานทูต สถานกงสุลต่าง ๆ ใครก็ตามที่ต้องการสมัครสมาชิกซื้อหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารรายสัปดาห์เหล่านี้ จะต้องขออนุญาตจากสำนักงานของรัฐเสียก่อน ก่อนที่หนังสือพิมพ์จะส่งไปยังมือผู้อ่าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคัดกรองของจีนจะได้ทำการดึงหน้าที่เรียกว่า "อ่อนไหวทางการเมือง" ฉีกออกไปเสียก่อนแล้ว

เมื่อครั้งที่แล้วที่สีขึ้นปกดิอีโคโนมิสต์นั้นเป็นช่วงวันที่ 27 เดือนต.ค. ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นเขาได้ถูกจัดตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้นำคนใหม่แดนมังกรอย่างเป็นทางการ ครั้งนั้นพาดหัวว่า "สี จิ้นผิง ชายผู้ที่ต้องเปลี่ยนจีน" ในภาพสีสวมชุดสูทสีดำ นั่งอยู่บนเก้าอี้ บนพื้นบริเวณโดยรอบมีรอยแตกระแหง

สองร้อยปีนับจากที่ลอร์ด แมคคาร์ทนีย์เดินทางเยือนจีน มังกรที่ถูกย่ำยีและหลับไหลได้ตื่นขึ้นมาแข่งขันกลายเป็นชาติทุนนิยมที่เศรษฐกิจแซงญี่ปุ่นขึ้นมาใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐฯเพียงชาติเดียว แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะโตแบบติดปีก ทว่าก็พ่วงตามมาด้วยปัญหาสังคมนานัปการ ต้องติดตามกันต่อไปว่า สี จิ้นผิงจะยกระดับการปฏิรูปแก้ไขปัญหาเพื่อให้พรรคคอมมิวนิสต์ดำรงความชอบธรรมปกครองได้นานเพียงใด
กำลังโหลดความคิดเห็น