เอเอฟพี - ประชาชนคนปักกิ่งได้รับคำแนะนำให้อยู่แต่ในอาคาร หลังระดับมลพิษในอากาศของเมืองหลวงจีนพุ่งสูงทะลุเกณฑ์อันตราย จากการซ้ำเติมของพายุทรายที่พัดเข้าถล่มในวันพฤหัสบดี (28)
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (28 ก.พ.) หมอกควันกลุ่มหนาเข้าปกคลุมหลายพื้นที่ของประเทศจีน ส่งผลให้ประชาชนในกรุงปักกิ่งจำนวนมากต้องรื้อค้นเอาหน้ากากมาปิดหน้าปิดตาอีกครั้ง และถือเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่ามลพิษของฤดูหนาวอันโหดร้ายยังคงดำเนินต่อไป
จากปัญญาหมอกควันดังกล่าวทำให้ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งพรุ่งขึ้นไปแตะระดับ 516 ณ เวลา 6 นาฬิกาเมื่อเช้านี้ โดยตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าคุณภาพอากาศของกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั้นย่ำแย่กว่าขั้นสูงสุดของ “ระดับอันตราย (Hazardous)” ซึ่งกำหนดให้อยู่ที่ระดับระหว่าง 301-500
ขณะที่ชาวปักกิ่งที่ต้องออกเดินทางแต่เช้าต้องประสบกับพายุทรายหมุน ซึ่งศูนย์เฝ้าระวังสิ่งแวดล้มเทศบาลนครปักกิ่งระบุว่า พายุทรายดังกล่าวพัดเข้ามาจากเขตมองโกเลียใน
“เราหวังว่าทุกคนจะอยู่แต่ในอาคารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และแนะนำว่าทุกคนจะป้องกันตัวเองด้วยมาตรการที่เหมาะสม” ศูนย์เฝ้าระวังฯ ปักกิ่ง ระบุในบัญชีซิน่า เวยปั๋ว หรือบริการไมโครบล็อกของจีนที่มีลักษณะคล้ายทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของตัวเอง
ด้านสื่อของรัฐบาลอย่างสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) ก็แพร่ภาพต้นไม้กิ่งไม้ปลิวไสวริมถนนของกรุงปักกิ่งจากลมที่พัดแรง โดยผู้ประกาศข่าวได้ให้คำแนะนำว่าชาวปักกิ่งควรปิดหน้าต่างให้สนิท เพราะมีความเสี่ยงว่าหน้าต่างจะถูกลมกระชาก และอาจทำให้กระจกหน้าต่างแตกใส่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาบนทางเท้าได้
สภาพอากาศดังกล่าวส่งผลให้เว็บบอร์ดในจีนเต็มไปด้วยข้อความแสดงความเหนื่อยหน่ายและโมโหโกรธาของชาวจีนจำนวนมากกับปัญหาหมอกควันที่รุนแรงขึ้นทุกที
“จากมลพิษทางอากาศ เรากำลังก้าวไปเผชิญมลพิษจากฝุ่น พวกเราในกรุงปักกิ่งต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ชีวิตที่หลากหลายรูปแบบจริงๆ” ชาวจีนคนหนึ่งระบุในซิน่า เวยปั๋ว
ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายพื้นที่ในประเทศจีนต้องเผชิญหน้ากับมลพิษทางอากาศซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่งผลให้เกิดเสียงเรียกร้องจากทั้งคนจีนที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต รวมถึงสื่อภาครัฐให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา อย่างไรก็ตามหลังจากช่วงเช้าผ่านพ้นไป คุณภาพของอากาศในกรุงปักกิ่งก็ค่อยๆ ดีขึ้น โดยดัชนีคุณภาพอากาศของสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งปรับลงเหลือ 168 เมื่อเวลา 13.00น. ที่ผ่านมา