เหตุผลโยกมือเศรษฐกิจ “หวัง ฉีซัน” ไปคุมงานปราบทุจริต

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - การประกาศแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี หวัง ฉีซัน ซึ่งเคยถูกจับตามองกันว่าจะได้รับมอบหมายให้เป็นซาร์เศรษฐกิจในรัฐบาลชุดใหม่ของจีน มาคุมงานด้านการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นแทนนั้น เป็นการพลิกโผไม่น้อย แต่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นเรื่องที่มีเหตุผลพอสมควรทีเดียวในการแต่งตั้งครั้งนี้

นายหวัง วัย 64 ปี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจในรัฐบาลนายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่า ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และผงาดขึ้นเป็น “หมายเลข 7” ในคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) คณะผู้บริหารประเทศสูงสุด ซึ่งปรับจากจำนวน 9 คน เหลือ 7 คนในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 18 ซึ่งปิดฉากลงเมื่อวันพฤหัสฯ (15 พ.ย.)

นักวิเคราะห์มองการแต่งตั้งนายหวัง ซึ่งมีภูมิหลังคร่ำหวอดในงานด้านเศรษฐกิจ และนานาชาติยอมรับฝีมือว่า สาเหตุหนึ่งน่าจะเนื่องมาจากความวิตกว่า ประกายความสามารถของเขาอาจไปข่มนายหลี่ เค่อเฉียง รองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่งและว่าที่นายกรัฐมนตรีแดนมังกรคนใหม่ ซึ่งเป็นพันธมิตรสนิทที่สุดในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองของประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ซึ่งกำลังจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ

ด้านพรรคพวก ที่ใกล้ชิดกับนายหวังเองเปิดเผยว่า นายหวังนั้นพอใจตำแหน่งงาน ซึ่งให้อำนาจเขาอย่างเต็มที่มากกว่าการได้รับเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างเช่นตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจทำให้เขาต้องคอยทำตาม หรือคล้อยตามความเห็นของนายหลี่บ่อยขึ้น

ศาสตราจารย์หวัง อี้ว์ข่าย แห่งสถาบันศึกษาการปกครองของจีน (Chinese Academy of Governance) มองว่า นายหวังจะเผชิญปัญหาท้าทายมากมายระหว่างการปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตรวจสอบวินัย ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน

“คุณหวังเป็นที่ยอมรับฝีมือกันอย่างกว้างขวางในเรื่องความสำเร็จในการจัดการกับปัญหาด้านการเงินต่าง ๆ” เขาระบุ

“เขามีบุคลิกเข้มแข็ง และเป็นคนที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง งานด้านการตรวจสอบวินัยภายในพรรคจะเป็นเรื่องที่หินมาก ๆ สำหรับคนลักษณะเช่นนี้” ศาสตราจารย์หวังให้ความเห็น

มีการมองกันมาช้านานว่านายหวังคือนักปฏิรูปและนักแก้ปัญหา โดยนายหวังเคยเป็นประธานไชน่าคอนสตรั๊กชั่นแบงก์ และหัวหน้าคณะผู้บริหารของบริษัทวาณิชธนกิจไชน่าอินเตอร์เนชั่นแนลแคปปิตอล นอกจากนั้น ขณะดำรงตำแหน่งรองผุ้ว่าการมณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ยังได้รับมอบหมายให้ดูแลปัญหาการล้มละลายของบริษัทด้านการลงทุนของรัฐในปี 2541

ต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นนายกเทศมนตรีกรุงปักกิ่งในปี 2546 ซึ่งเขารับมือการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ ซาร์สได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเชิงรุกและในความรวดเร็วฉับไว จนทำให้นายหวังมีชื่อเรียกขานกันเล่น ๆ ว่า “หัวหน้าหน่วยดับเพลิง” (fire brigade captain)

การไม่แต่งตั้งให้นายหวังคุมงานด้านเศรษฐกิจอาจมองกันว่าเป็นการใช้บุคคล ที่มีความสามารถพิเศษผิดที่ผิดงาน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกลับเห็นว่า ทักษะความสามารถในการแก้ปัญหาของนายหวังนี่เองอาจพิสูจน์ให้เห็นในอนาคตว่า การแต่งตั้งให้เขาคุมงานด้านการตรวจสอบวินัยภายในพรรคนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ในท่ามกลางสถานการณ์ ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนกำลังพยายามสนับสนุนผลักดันให้กลไกด้านระเบียบวินัยภายในพรรคมีความศักดิ์สิทธิ์ หลังจากเกิดคดีทุจริตและใช้อำนาจในทางมิชอบอื้อฉาวของนายปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคสาขานครฉงชิ่ง ผู้เคยเป็นดาวรุ่งทางการเมืองของจีน

“คุณหวังเป็นคนชนิดที่ใครจะเคี้ยวได้ยาก” กู้ ซู่ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายประจำมหาวิทยาลัยนานกิงกล่าว

“ ไม่แน่นะว่า เขาอาจต้องการส่งเสียงดังขึ้นบ้างเมื่ออยู่ในตำแหน่งใหม่ เพื่อทำให้สถานภาพของเขาแข็งแรงมั่นคงก็เป็นได้ ” กู้ให้ความเห็นทิ้งท้าย