เอเจนซีส์ - พรรคคอมมิวนิสต์จีนปิดการประชุมสมัชชาครั้งสำคัญยิ่งของตนแล้วในวันพุธ(14) โดยที่รองประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขยับเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งในการรับมอบอำนาจเป็นผู้นำการปกครองแดนมังกรในช่วงสิบปีต่อจากนี้ไป ขณะเดียวกันก็มีการปูทางให้หนึ่งในเจ้าหน้าที่ทางการเงินอาวุโสที่สุดของจีน ขึ้นเป็นผู้นำในการปราบปรามคอร์รัปชั่น อันเป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่าเรื่องนี้กำลังกลายเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศจีน
การประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ซึ่งจัดขึ้นที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ได้ปิดฉากลงแล้ว หลังจากผู้แทน 2,200 คนจากทั่วประเทศหย่อนบัตรเลือกตั้งคณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่ที่ประกอบด้วยกรรมการกลางจำนวน 205 คน และกรรมการกลางสำรองที่ไม่มีสิทธิออกเสียงอีก 171 คน
ต่อจากนี้ คณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่จะเปิดการประชุมในวันพฤหัสบดี(15) เพื่อเลือกเลขาธิการใหญ่ของพรรคคนใหม่ ตลอดจนคณะกรมการเมืองจำนวนประมาณ 20 กว่าคน และคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง ซึ่งถือเป็นบุคคลวงในที่ทรงอำนาจมากที่สุดในแดนมังกร โดยที่คาดหมายกันว่าชุดใหม่นี้จำนวนอาจจะลดลงเหลือ 7 คน จากชุดปัจจุบันที่มี 9 คน
ทั้งประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคนปัจจุบัน และนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ต่างไม่ได้ลงสมัครเป็นคณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่ เป็นการแสดงเจตจำนงที่จะอำลาเวทีอย่างชัดเจน ขณะที่รองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และรองนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ต่างได้รับเลือกเป็นกรรมการกลางของชุดใหม่ โดยคาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่าในวันพฤหัสบดี สี จะได้รับเลือกเป็นเลขาธิการใหญ่คนใหม่ ขณะที่ หลี่ ก็จะได้เป็นกรรมการประจำกรมการเมืองอีกวาระหนึ่ง แล้วพอถึงการประชุมเต็มคณะของรัฐสภาในเดือนมีนาคมปีหน้า สี จะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน หู ส่วน หลี่ จะนั่งเก้านายกรัฐมนตรีแทน เวิน
กระบวนการเช่นนี้ฝ่ายจีนบอกว่าเป็นประชาธิปไตยที่เน้นการปรึกษาหารือจนมีความเห็นฉันทามติ แต่ฝ่ายตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเลือกตั้งตามที่ได้เตี๊ยมกันไว้ล่วงหน้า โดยที่เหล่าผู้อาวุโสของพรรคตลอดจนพวกผู้นำวัยเกษียณที่ยังทรงอิทธิพลจะมีการต่อรองตัวบุคคลและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันเอาไว้ก่อนแล้ว
คำถามหนึ่งซึ่งยังคงค้างคาและต้องรอเฉลยในวันพฤหัสบดี ได้แก่เรื่องที่ หู ยังจะครองตำแหน่งประธานคณะกรรมการทหารส่วนกลาง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสั่งการเคลื่อนกำลังกองทัพปลดแอกประชาชนจีนที่มีกำลังพล 2.3 ล้านคนและติดอาวุธนิวเคลียร์ ต่อไปหรือไม่
เจียง เจ๋อหมิน เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานาธิบดีจีนคนก่อนหน้า หู กว่าที่จะสละตำแหน่งผู้กุมอำนาจสูงสุดทางทหารนี้ ก็ต้อง 2 ปีภายหลังส่งมอบอำนาจควบคุมพรรคให้แก่ หู ในปี 2002 แล้ว
นอกจากนั้น คณะกรรมการประจำของกรมการเมืองชุดใหม่จะมีจำนวนเท่าใด และประกอบด้วยใครบ้างนอกเหนือจาก สี และ หลี่ ก็จะยังไม่เป็นที่ทราบอย่างชัดเจนแน่นอน จวบจนกระทั่งคณะผู้นำใหม่ปรากฏตัวขึ้นในพิธีการที่จัดอย่างกะทัดรัดในมหาศาลาประชาชนวันพฤหัสบดี
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวชิ้นหนึ่งของสำนักข่าวซินหวาในวันพุธ ทำให้มีการคาดหมายกันมากว่า ผู้ที่จะได้เป็นกรรมการประจำกรมการเมืองชุดใหม่อีกคนหนึ่ง คือ หวัง ฉีชาน รองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการเศรษฐกิจภายใต้นายกฯเวิน
ทั้งนี้ซินหวารายงานว่า หวัง จะเข้าอยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบวินัยแห่งคณะกรรมการกลางพรรคชุดใหม่ โดยที่การประชุมสมัชชาพรรคคราวนี้ได้เน้นหนักให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของพวกเจ้าหน้าที่พรรคและรัฐเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างการกล่าวคำรายงานผลการดำเนินงานในตอนเริ่มการประชุมสมัชชาคราวนี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (8) หู จิ่นเทาระบุว่า การคอร์รัปชั่นกำลังเป็นภัยคุกคามบทบาทและสถานะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถึงขั้นที่อาจทำให้เกิด “การล่มสลายของพรรคและความล้มเหลวของรัฐ” ขณะที่มติประการหนึ่งของสมัชชาครั้งนี้ก็คือ การแก้ไขระเบียบการพรรค โดยให้บรรจุข้อเรียกเรียกร้อง “เพิ่มการกำกับตรวจสอบพวกผู้ปฏิบัติงานชั้นนำคนสำคัญๆ ให้เข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น”
หวัง ฉีซาน วัย 64 ปี เป็นเจ้าของสมญานาม “หัวหน้าหน่วยดับเพลิง” จากผลงานในการสะสางวิกฤตหนี้ในมณฑลกวางตุ้งที่เขาเคยรับตำแหน่งรองผู้ว่าการเมื่อปลายทศวรรษ 1990 และจากการเข้าทำหน้าที่นายกเทศมนตรีนครปักกิ่งแทนคนเดิมที่ถูกปลดเพราะปกปิดข่าวไวรัสซาร์สระบาดในปี 2003
อดีตประธานธนาคารไชน่า คอนสตรักชัน แบงก์ ผู้นี้ ยังเป็นที่รู้จักนับถือในแวดวงระหว่างประเทศ ในฐานะที่มีประสบการณ์เป็นผู้นำทีมของจีน ทั้งในการเจรจาด้านการค้าและการคลัง ตลอดจนถึงการหารือด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นที่ชื่นชอบของนักลงทุนต่างชาติ