เอเยนซี - ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน แถลงระหว่างการประชุมใหญ่สมัยที่ 18 ของพรรคคอมมิวนิตส์จีน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรจีน ให้สูงขึ้นอีกเท่าตัวในปี พ.ศ. 2563
สื่อต่างประเทศรายงาน (9 พ.ย.) ว่า ในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนครั้งที่ 18 ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีจีนที่กำลังลงจากตำแหน่งในสิ้นปีนี้ และส่งมอบอำนาจให้กับผู้นำคนใหม่คือ นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีน ได้รายงานผลการดำเนินงานฯ พร้อมตั่งเป้าหมายว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี (2554 - 2558) ที่ตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรจีน ขึ้นไปอยู่ที่ 26,810 หยวน หรือ 4,294 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน จะทำให้ประชากรจีนมีรายได้มากขึ้นเป็นเท่าตัว จากรายได้เฉลี่ยต่อจีดีพีที่เคยตั้งไว้เมื่อปี 2553
หู จิ่นเทา กล่าวว่า ในเวลานี้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรจีน อยู่ลำดับที่ 121 ของการจัดอันดับโดยธนาคารโลก ขณะที่การพัฒนาเศรษฐกิจของจีน ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างปี 2011-2015 ตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อปีของประชากรอยู่ที่คนละ 26,810 หยวน พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจที่ร้อยละ 7 เมื่อเป้าหมายการเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากรที่เคยตั้งไว้เมื่อปี 2553 ยังไม่ได้ตามที่ตั้งใจ จึงต้องพยายามยิ่งขึ้น ทั้งกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจและสังคมจีนเวลานี้ ยังมีปัญหาในด้านต่างๆ ต้องเร่งมือเพื่อนำไปสู่ความสมดุล การร่วมมือกัน และความมั่นคงยั่งยืน ซึ่งจะเป็นงานที่ยาก
หู จิ่นเทา ยืนยันว่า ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จและไปถึงเป้าหมายนี้ คือเสถียรภาพและความเชื่อมั่นในการเมืองการปกครองของพรรคฯ ซึ่งเขากำลังจะส่งต่อตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ พรรคฯ ให้กับ นายสี จิ้นผิง ในสัปดาห์หน้า หลังเสร็จสิ้นการประชุม โดยเขากล่าวถึงภาพรวมของการพัฒนาชาติในทศวรรษใหม่ว่า จะปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม และระมัดระวังในการที่จะคัดลอกประชาธิปไตยแบบตะวันตก
สื่อตะวันตกรายงานว่า ในการผลักดันเพื่อเชื่อมมรดกทางการเมือง หูระบุว่า "ประวัติศาสตร์ความสำเร็จ" ของจีน กับแนวคิดของการพัฒนาที่ปรากฎอยู่ในแผนฯ ของพรรคตลอดห้าปีที่ผ่านมา ทำให้มั่นใจได้ว่า พรรคจะยังคงเจริญเติบโตได้ตราบเท่าที่ สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้สูงในอัตราใกล้เคียงกันกับตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ การเจริญเติบโตนี้ได้เคยสร้างศรัทธาให้กับประชาชนต่ออดีตผู้นำเติ้งเสี่ยวผิง ที่ทุกๆ 10 ปี สามารถขยายเศรษฐกิจได้เป็นสองเท่า
หูกล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ที่เพิ่มขึ้นและความอยุติธรรมทางสังคมอื่น ๆ เป็นต้นเหตุความไม่พอใจของประชาชน พรรคฯ จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และรวมวาระของการสร้างรายได้ต่อหัวไว้ในเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงพยายามที่จะให้ผู้คนมากขึ้นได้เข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของการเจริญเติบโตของประเทศ
"สำหรับ 'เป้าหมายทางเศรษฐกิจ' นั้น เพื่อให้พื้นฐานของการพัฒนาของจีน มีความสมดุล ประสานกลมกลืน และยั่งยืน เราควรจะสร้างรายได้ประชากรต่อจีดีพี ให้มากขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี 2553 ทั้งสำหรับประชาชนในเมืองและชนบท โดยเราควรรักษาและมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการส่งเสริมความต้องการภายในประเทศ ดูแลจัดการอุปสงค์อุปทานให้สอดคล้องกับความต้องการผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพการบริโภคส่วนบุคคล การลงทุนด้วยจังหวะที่เหมาะสม และขยายตลาดในประเทศ" หู จิ่นเทา กล่าว และเสริมว่า
"การปฏิรูปเศรษฐกิจ"นั้น ต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพื่อจะปรับเปลี่ยนให้เกิดการเจริญเติบโตใหม่ๆ และทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของกลไกเศรษฐกิจ โดยเราจะให้การสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาในภูมิภาคตะวันตก และพื้นที่ชนบทมากขึ้น สนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ ให้กล้าก้าวออกไปลงทุนภายนอก เช่นเดียวกับที่ดำเนินนโยบายส่งเสริมการจ้างงาน และกระตุ้นให้เกิดการเริ่มต้นธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนตลาด
ตราบเท่าที่เราจริงใจ และเชื่อมั่นต่อแนวทางฯ ของเรา ในที่สุดเราจะสร้างสังคมที่รุ่งเรือง และพรรคฯ จะสามารถเฉลิมฉลองปีที่ร้อย พร้อมกับประเทศจีนยุคใหม่ ซึ่งมีความเข้มแข็ง รุ่งโรจน์ มีประชาธิปไตย วัฒนธรรมที่ดีและประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก
สื่อต่างประเทศ ระบุว่า หู จิ่นเทาตระหนักถึงของความไม่พอใจของประชาชนที่เกิดขึ้นกว้างขวาง ว่าเป็นอุปสรรคที่ถ่วงการปฏิรูปทางการเมืองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างที่เขาอยู่ในอำนาจ โดยหู จิ่นเทา ได้ประกาศต่อผู้แทนฯ กว่า 2,200 คนในที่ประชุมใหญ่ เตือนถึงภัยทุจริตคอร์รัปชั่น ที่บ่อนทำลายพรรคฯ ก่อความไม่สงบให้สังคม เซาะแทะโครงสร้างเศรษฐกิจ รวมถึงปัญหาท้าทายต่างๆ ทั้งทางสังคม และสิ่งแวดล้อม ที่จะคุกคามระบบการบริหารปกครองของพรรคฯ
"เราจะต้องมุ่งมั่นเดินหน้าไปบนเส้นทางแห่งสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน ต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมกินดีอยู่ดีอย่างรอบด้าน ปฏิเสธแนวคิดที่ล้าหลังไม่ทันการ และนโยบายปิดประตูอันแข็งกระด้าง ไร้ความยืดหยุ่น รวมถึงการใดๆ ที่เป็นแนวทางซึ่งจะทำให้ไปไม่ถึงที่หมาย"
หู ยังได้ให้คำแนะนำแก่ผู้นำฯ รุ่นต่อไป ว่า ความเป็นผู้นำฯ และแผนฯ ที่วางไว้ดีแล้ว คือปัจจัยของความสำเร็จในเป้าหมาย และยังได้กล่าวสำนวนจีนว่า "ปู้ เจอเถิ่ง" (“不折腾” หรือ Don't rock the boat) ที่เขามักหยิบยืมจากสำนวนกล่าวของเติ้งเสี่ยวผิง เพื่ออธิบายว่า "อย่าไปเปลี่ยนอะไร ที่ทำดีอยู่แล้ว เพราะจะเป็นการชักใบให้เรือเสีย"
ด้านสื่อฯ และบรรดานักวิเคราะห์ตะวันตก มองว่า คำพูดของประธานาธิบดีจีนไม่มีอะไรใหม่ เป็นเพียงคำประกาศชวนเชื่อ โดยไม่ได้พูดถึงความหมายที่แท้จริงในเรื่องต่างๆ อาทิ การปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตย พร้อมกับอ้างคำสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ หลิว จิ้นหยิง ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จีนจะปฏิรูปการเมือง โดยปฏิเสธรูปแบบประชาธิปไตยแบบตะวันตก และตลอดเวลาที่ หู จิ่นเทาอยู่ในอำนาจ เป็น 10 ปีที่สูญเปล่า
ทั้งนี้ สำนักวิจัยนโยบายแห่งชาติจีน เคยตั้งความคาดการณ์ไว้เมื่อปี พ.ศ. 2550 ว่าร้อยละ 55 ของประชากรจีนจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 60,000 หยวน ต่อปีในปี พ.ศ. 2563 โดยคำนวณจากอัตราการเติบโตของรายได้ที่ระดับร้อยละ 7 ต่อปี ซึ่งแจกแจงรายละเอียดว่า ในเวลานั้น ประชากรในเขตเมือง ร้อยละ 78 กับประชากรในชนบทร้อยละ 30 จะมีรายได้ต่อปีสูงกว่า 60,000 หยวน โดยมีประชากร ร้อยละ 2 ที่มีรายได้ต่อปี สูงกว่า 200,000 หยวน