ASTVผู้จัดการ - สื่อท้องถิ่นตีประเด็น หู จิ่นเทาประกาศเพิ่มรายได้ต่อหัวอีกเท่าหนึ่งภายในปี 2563 หรือ 1 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ/คน/ปี เป็นข่าวใหญ่ ชี้เป็นเรื่องใหม่ที่ประชาชนไม่เคยได้ยินมาก่อน ขณะที่สื่อภาษาอังกฤษของจีนเน้นประเด็นพรรคคอมฯ จะดำเนินตามแนวสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน โดยหลีกเลี่ยงการถอยหลังไปสู่เส้นทางพัฒนาเก่าที่ผิดพลาด หรือลอกเลียนรูปแบบการเมืองจากตะวันตก
จากการกล่าวรายงานผลการดำเนินงานต่อที่ประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนครั้งที่ 18 หรือ สมัชชาฯ 18 ของนายหู จิ่นเทา เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในนามคณะกรรมการกลางพรรคฯ ชุดที่ 17 ในหัวข้อ “มุ่งมั่นเดินหน้าไปบนเส้นทางแห่งสังคมนิยมเอกลักษณ์จีน ต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์สังคมกินดีอยู่ดีอย่างรอบด้าน” (คลิกลิงก์เพื่ออ่านสรุป) ซึ่งเป็นการกล่าวระหว่างการเปิดการประชุมฯ วานนี้ (8 พ.ย.) ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง
เช้าวันนี้ (9 พ.ย.) หนังสือพิมพ์จีนทุกฉบับต่างหยิบเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นพาดหัวใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น โดยพาดหัวของหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในสังกัดเครือหนังสือพิมพ์ประชาชนรายวันในสังกัดพรรคคอมมิวนิสต์จีนสรุปรายงานของหู โดยระบุว่า “จะไม่เดินซ้ำรอยทางเก่าที่ผิด จะไม่ยืมแบบอย่างต่างประเทศมาใช้” ส่วนหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายวันอีกฉบับก็พาดหัวว่า “หูวางเส้นทางสำหรับอนาคต” โดย เนื้อหาของการพาดหัวดังกล่าวดึงมาจากคำพูดของหูที่ระบุว่า "ในห้วงสามสิบกว่าปีของการปฏิรูปและเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง เราชูธงของสังคมนิยมเอกลักษณ์แบบจีน โดยปฏิเสธการดำเนินนโยบายเก่าที่เคยทำผิดพลาด และปฏิเสธความพยายามใดๆ ที่จะเบี่ยงเบนจากเส้นทางของสังคมนิยม เพื่อไปสู่หนทางที่ไม่ถูกต้อง"
ในเนื้อข่าวโกลบอล ไทมส์ ได้อ้างอิง ศ.เผิง จงเชา จากวิทยาลัยนโยบายสาธารณะและการบริหาร มหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งอธิบายเพิ่มเติมว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงในประเด็นของรูปแบบการพัฒนาของจีนในอนาคต กลุ่มอนุรักษ์นิยมส่วนหนึ่งเรียกร้องให้จีนกลับไปสู่หลักของความเสมอภาคของสังคมนิยม ด้วยระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลาง และการควบคุมความคิด ส่วนพวกเสรีนิยมบางส่วนก็ประสงค์ให้จีนลอกรูปแบบทางการเมืองมาจากตะวันตก”
“เรามิอาจกลับไปเดินบนเส้นทางเก่า หรือลอกเลียนแบบอย่างของต่างชาติโดยไม่คำนึงถึงสภาพการณ์ของจีนได้ นี่เป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล ที่จะมีวิสัยทัศน์ในระดับโลก ขณะเดียวกันก็ดำเนินการตามหนทางที่เหมาะกับเงื่อนไขของจีน”
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษทั้งสองฉบับจับประเด็นสำคัญไปที่ประเด็นรูปแบบการพัฒนาประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้าที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้วางเอาไว้ ขณะที่ใส่ประเด็นเกี่ยวกับรายละเอียดของรายงานของหูเอาไว้ด้านใน ซึ่งผิดกับสื่อท้องถิ่นของจีนเกือบทุกฉบับที่เน้นประเด็นเรื่องที่นายหู จิ่นเทาระบุเรื่องของเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตและเพิ่มรายได้ของประชาชนเป็นหลัก
ด้านหนังสือพิมพ์ซินจิงเป้า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของกรุงปักกิ่งเลือกพาดหัวใหญ่โดยระบุว่า “ในช่วงสิบปีข้างหน้ารายได้เฉลี่ยของชาวจีนจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า โดยในปี 2020 ในภาพรวมจะปรากฎสังคมกินดีอยู่ดี”
จากการที่ผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ ได้สอบถามสื่อมวลชนชาวจีนบางส่วน พบว่าประเด็นเรื่อง การระบุเป้าหมายการเพิ่มขึ้นของตัวเลขรายได้ต่อหัวอย่างเป็นรูปธรรมและลงรายละเอียดเช่นนี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ชาวจีนไม่เคยได้ยินมาก่อนจากการประชุมใหญ่สมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์
นายกวน ซินกั๋ว บรรณาธิการใหญ่ของสำนักข่าวซินหัวกล่าวกับผู้สื่อข่าวระบุว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหม่ในสายตาชาวจีน เพราะเดิมทีพรรคคอมมิวนิสต์ไม่เคยระบุเป้าหมายอย่างละเอียดเช่นนี้ ซึ่งเมื่อระบุแล้วย่อมกระตุ้นความสนใจให้กับประชาชนทั่วไปได้มาก เพราะการระบุเป้าหมายเรื่อง เพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัว (Per capita income) อีกเท่าหนึ่งภายในปี 2563 (ค.ศ.2020) นั้นมิเพียงหมายความถึงการระบุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับมหภาค แต่ยังหมายถึงการกระจายรายได้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย
ทั้งนี้จากตัวเลขอ้างอิงโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเมื่อเดือนสิงหาคม 2555 ระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเฉลี่ยต่อหัว หรือ จีดีพีต่อหัวของจีนนั้นเพิ่มขึ้นจาก 1,135 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2545 (ค.ศ.2002) เป็น 5,432 เหรียญสหรัฐฯ ในปี 2554 (ค.ศ.2011) นั่นหมายความว่า เพื่อบรรลุเป้าประสงค์ ภายในปี 2563 รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องทำให้ตัวเลขดังกล่าวทะลุ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้ได้
“การจะเพิ่มรายได้ต่อหัวของชาวจีนอีกเท่าหนึ่งภายในสิบปีข้างหน้าหมายความว่า อัตราการเพิ่มของรายได้ต่อหัวของชาวจีนทุกคนโดยเฉลี่ยจะต้องอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 7.2 ต่อปีในช่วงสิบปีข้างหน้า ซึ่งตัวเลขดังกล่าวจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ที่ง่ายก็เพราะในช่วง 30 ปีที่ผ่านมารายได้ต่อหัวของชาวจีนทั้งในเมืองและชนบทโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 7.4 ต่อปีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าหากมองในมุมนี้ก็มีความเป็นไปได้ ส่วนที่มองว่ายากก็คือ ที่ผ่านมาระดับรายได้ของชาวจีนนั้นอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้วการกระตุ้นให้รายได้เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นย่อมเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อระดับรายได้ของชาวจีนเติบโตถึงระดับหนึ่งแล้วการรักษาอัตราการเติบโตในระดับเดิมนั้นก็จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากยิ่งขึ้นไปอีก” บทวิจารณ์ของ นสพ.ซินจิงเป้าให้ความเห็น