เซาท์ ไชน่ามอร์นิ่ง โพสต์—สี จิ้นผิง ได้รับไม้คทาผลัดนำการเมืองแดนมังกร โดยนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ และประธานคณะกรรมาธิการทหาร แทนหู จิ่นเทา อย่างเป็นทางการแล้ว ความเคลื่อนไหวนี้คือเป็นไคแม็กซ์ของการถ่ายเปลี่ยนอำนาจการนำในรอบ 10 ปีของแผ่นดินใหญ่ หลังจากกลุ่มผู้นำได้โรมรันศึกชิงอำนาจอย่างดุเดือด ทั้งข่าวอื้อฉาวการเมืองที่ทำผู้นำดาวรุ่งร่วงลงจากอำนาจการเมืองอย่างไม่น่าเชื่อ และข่าวลือที่ระบาดยิ่งกว่าครั้งใด
เมื่อวานนี้(16 พ.ย.) คณะกรรมกลางพรรคคอมมิวนิสต์ฯ ชุดใหม่ชุดที่ 18 ได้สำเร็จการเลือกตั้งรุ่นการนำใหม่ของจีน ได้แก่ สี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการพรรคฯคอมมิวนิสต์ พร้อมกลุ่มผู้นำ 7 คน แห่งคณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโร ซึ่งกุมอำนาจสุดยอดของจีน
สีจิ้นผิง ได้นำกลุ่ม 7 ผู้นำสูงสุดแห่งกรมมการเมือง สาบานตนเข้ารับตำแหน่งในทันที และคำปราศรัยครั้งแรกของสี จิ้นผิงในฐานะผู้นำสูงสุดจีน ก็ได้รับความชื่นชมอย่างกว้างขวาง ว่าแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำในแนวทางที่ดี
คณะกรรมการประจำกรมการเมือง องค์กรอำนาจสูงสุดแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ลดจำนวนตำแหน่งเหลือ 7 ตำแหน่ง จากเดิม 9 ตำแหน่ง ได้แก่ สี จิ้นผิง วัย 59, หลี่ เค่อเฉียง วัย 57, รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคฯประจำนครฉงชิ่ง นาย จัง เต๋อเจียง วัย 66, เลขาธิการพรรคฯประจำนครเซี่ยงไฮ้ นาย อี๋ว์ เจิ้งเซิง วัย 67, หัวหน้าใหญ่แห่งหน่วยโฆษณาการ นาย หลิว อิ๋นซาน วัย 65, รองนายกรัฐมนตรี นาย หวัง ซีซาน วัย 64, และเลขาธิการพรรคฯประจำนครเทียนจิน นาย จัง เกาลี่ วัย 66
สี จิ้นผิง ซึ่งดูผ่อนคลายและเชื่อมั่น ได้ครองอำนาจสูงสุดของประเทศแล้ว แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ได้รับมรดกอันหนักอึ้งจากหู จิ่นเทา ดังที่เขากล่าวในคำปราศรัยครั้งแรก
“พรรคฯของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลายด้าน ทั้งปัญหากดดันภายในพรรคฯ ที่จะต้องคลี่คลายต่อไป โดยเฉพาะคอรัปชั่น การแตกแยกจากประชาชน เจ้าหน้าที่พรรคฯบางกลุ่มได้ยึดถือกรอบอย่างเคร่งครัดและเล่นระบบอุปภัมถ์
“เราจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ สมาชิกพรรคฯทั้งหมดจะต้องตระหนักปัญหาเหล่านี้” นายใหญ่พรรคฯคนใหม่กล่าว
ด้านภารกิจภายในประเทศ สีจะต้องสะสางความวุ่นวายที่หูได้ทิ้งไว้ นั่นก็คือความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลซึ่งเป็นผลพวงจากนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเมื่อ 20 ปีก่อน อาทิ กระแสความไม่พอใจเรื่องสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข และปัญหาที่อาจคุกคามความมั่นคงที่ลงลึกมากขึ้นๆ
จีนยังเผชิญกับสถาณการณ์ตึงเครียดในสังคม จากปัญหาคอรัปชั่น การกดขี่ด้านสิทธิมนุษยชน การใช้อำนาจรัฐอย่างเกินเลย และอำนาจผูกขาดในกลุ่มวิสาหกิจรัฐ
Johnny Lau Yui-siu นักวิเคราะห์การเมืองในฮ่องกง กล่าวว่าการรักษาความมั่นคงและแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น เป็นภารกิจใหญ่อันดับแรกของผู้นำสี
กลุ่มผู้นำพรรคฯถูกเตือนเรื่องภัยคอรัปชั่นมาหลายปี อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ได้เริ่มเตือนว่า “คอรัปชั่น หากแก้ไขไม่ได้ ก็อาจได้เห็นหายนะของพรรคฯ และสาธารณรัฐแห่งประชาชน” แต่แล้วคอรัปชั่นก็ยิ่งเลวร้ายลงๆ” Lau กล่าว
Dr Elizabeth Economy ผู้อำนวยการเอเชียศึกษา ประจำสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) ในนิวยอร์ก ชี้ว่าความท้าทายใหญ่ที่สุดของผู้นำใหม่ คือการสนองความต้องการประชาชน ที่กำลังเรียกร้องการเปิดกว้างประชาธิปไตย และความโปร่งใส
จัสติน หลิน อี้ฟู (Justin Lin Yifu) ผู้ที่เพิ่งหมดวาระ 4 ปี ในตำแหน่งหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ และรองประธานธนาคารโลก หรือเวิรล์ดแบงค์ แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนยังรักษาโมเมนตัมที่แข็งแรงในการพัฒนาระหว่าง 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีปัญหาในระบบหลายอย่าง เช่น ช่องว่างรายได้ ความไม่สมดุลระหว่างการนำเข้าและส่งออก
ด้านการระหว่างประเทศ สีจะต้องก้ไขความล้มเหลวที่ตกทอดจากยุคของหู ส่งสารที่มั่นคงสู่ภายนอก อธิบายสภาวะของจีน และวิสัยทัศน์สู่โลกภายนอก เกี่ยวกับอำนาจครอบงำที่ขยายใหญ่มากขึ้น จากความเห็นของ เคอร์รี่ บราวน์ (Kerry Brown) ผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีน แห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์
แต่กลุ่มวิเคราะห์หลายๆคนก็ยังสงสัยกันว่า กลุ่มผู้นำใหม่ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง จะมีความกล้าหาญทางการเมืองพอที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
“หากไร้ซึ่งความกล้าหาญ พวกเขาก็ได้แต่รักษาความมั่นคง (ด้วยมาตรการระดมกำลัง) แต่มันไม่ใช่ทางออกของจีน” อาจารย์ อี๋ว์ กั๋วหมิง แห่งมหาวิทยาลัยประชาชนจีน.
