เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์/เอเจนซี -การประชุมสมัชชาใหญ่เต็มคณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เสร็จสิ้นลงเมื่อวันพุธ (14 พ.ย.) และในวันถัดมา นาย สี จิ้นผิง วัย 59 ปี เลขาธิการแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนใหม่ ก็ได้แถลงแนะนำตัวสมาชิก 7 คน คณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโปลิตบูโรของพรรคฯ ซึ่งเป็นองค์กรทรงอิทธิพลอำนาจสูงสุดของประเทศจีน พร้อมกันนี้ คำตอบที่วงการรอคอยมากที่สุด ก็ประกาศออกมา นั่นคือ ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา วัย 69 ปี ได้ลงจากเก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการทหารของพรรคฯ ให้สี จิ้นผิง นั่งแทน
การตัดสินจลงจากเก้าอี้ในกองทัพ หรือเกษียณอย่างถาวรของหู จิ่นเทา ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ทั้งหลายแปลกอกแปลกใจ ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่าว่า หู จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารกลางของพรรคฯ ต่อไป
การถ่ายโอนอำนาจอย่างหมดจดในพรรคคอมมิวนิสต์ที่หูทำนั้น ถือว่าได้ทำลายธรรมเนียมเดิมที่อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ทำไว้เมื่อสิบปีที่แล้วไปสิ้นเชิง
ในปี 2545 ผู้นำเจียง เจ๋อหมิน เลือกที่จะยังคงตำแหน่งสูงสุุดในกองทัพต่ออีกสองปีกว่า หลังจากครองอำนาจผู้นำสูดสุดของพรรคคอมมิวนิสต์มาเป็นเวลา 13 ปี ในครั้งนั้นหู จิ่นเทาแม้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายใหญ่พรรคฯ แล้ว ก็ยังต้องคอยไปจนถึงเดือนก.ย. ปี 2547 กว่าจะได้ขึ้นกุมบังเหียนกองทัพ
การตัดสินใจของเจียงในครั้งนั้น ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์ทั้งในพรรคและนอกพรรคฯ หลายคนวิจารณ์เจียงว่าเป็นภัยอันตรายต่อการสืบทอดอำนาจในพรรคฯ ซึ่งผู้นำคนก่อนหน้า เติ้ง เสี่ยวผิงได้วางตัวหู จิ่นเทาให้ดำรงตำแหน่งต่อจากเจียงไว้แล้ว
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจของหู ว่าจะดำรงตำแหน่งทางการเมืองในกองทัพต่อหรือไม่ หลังจากลงจากเก้าอี้สูงสุดของพรรคฯ เป็นการตัดสินใจที่ตระหนักถึงผลประโยชน์ระดับบนเป็นสำคัญ
แหล่งข่าวเผยว่า หููผู้รักษาภาพลักษณ์ต้องการเลี่ยงปัญหาการเผชิญหน้า เขาต้องการจากไปอย่างทรงเกียรติ หูอาจทราบดีว่า หากยังนั่งเก้าอี้คุมการทหารฯ ต่อไป ย่อมได้ไม่คุ้มเสีย การดำรงตำแหน่งยืดเยื้อของเจียงก่อให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจที่ย่ำแย่ และเกิดธรรมเนียมไม่ดีแก่ผู้นำระดับสูง แม้แต่ผู้นำรุ่นเก่าก็ไม่เห็นดีด้วย ไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในพรรคฯ แหล่งข่าวกล่าวเพิ่ม
ก่อนหน้า มีข่าวลือว่า หูจะสืบมรดกปฏิบัติตามสิ่งที่เจียงทำไว้ก่อนหน้า บางคนถึงกับกล่าวว่าหูจะนั่งเก้าอี้ในกองทัพนานถึงห้าปี ไปจนการประชุมพรรคฯ ครั้งหน้า หลายคนก่อนหน้านี้เคยเชื่อว่า เหตุผลที่หูจะนั่งเก้าอี้คุมกองทัพต่อนั้น เนื่องมาจากหูล้มเหลวที่จะรักษาฐานเสียงจากพันธมิตรในการต่อสู้กับผู้นำระดับสูงในการกำหนดนโยบายในประเทศในอีกสิบปีข้างหน้า
"ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หูได้เลือกที่จะลงจากอำนาจ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการถ่ายโอนอำนาจใหม่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีน" เฉิน เจ๋อหมิง นักสังเกตการณ์ทางการเมืองในกรุงปักกิ่งเผย
แม้ว่าในสมัยเติ้ง เสี่ยวผิงช่วงทศวรรษ 1980 จะมีการวางระบบสถาบันการเปลี่ยนถ่ายอำนาจไว้แล้ว ทว่าในปัจจุบันระบบการเมืองผู้นำจีนมีความวุ่นวายสูง ขาดความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ และไร้สมดุล เฉินกล่าว
"ครั้งนี้อาจจะนิยามได้ว่า หูเป็นคนกล้าหาญที่สุดที่ผลักดันการปฏิรูปการเมือง"
นอกจากเป็นการรักษาชื่อเสียงในประวัติศาสตร์แล้ว การกระทำของหู ยังช่วยลดภาพลักษณ์อื้อฉาวในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งได้กร่อนกินเกียรติภูมิแห่งพรรคในช่วงวิกฤติการเมืองทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของการร่วงลงจากอำนาจของนายปั๋ว ซีไหล อดีตดาวรุ่งการเมืองแห่งฉงชิ่ง ที่ต้องคดีอื้อฉาวคอร์รัปชั่น โดยภริยาของเขาคือนาง กู่ ไคไหล จับนักธุรกิจอังกฤษกรอกยาพิษจนถึงแก่ความตายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
จัง ลี่ฝาน นักประวัติศาสตร์ในกรุงปักกิ่ง เชื่อว่า การตัดสินใจเกษียณถาวรของหู จิ่นเทา ไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลส่วนตัว อาทิ หูสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ หรือเพียงเพราะหูพ่ายแพ้ให้แก่ผู้นำเจียง เจ๋อหมิน ในการเลือกผู้นำระดับสูงขึ้นสืบต่ออำนาจเท่านั้น
หู ไม่เหมือนกับเจียง เขาไม่เคยแสดงตนเป็นผู้นำที่ทะเยอทะยาน สร้างภาพสนับสนุนตนเองอย่างครึกโครม เฉินกล่าว ขณะที่จังเสริมว่า หูเหมือนจะหมดแรงหลังจากอยู่ในอำนาจมาสิบปี
"หูเบื่อกับเล่ห์เพทุบายทางการเมืองที่ไม่รู้จักจบ ตลอดจนการดิ้นรนชิงอำนาจ เขาเพียงต้องการลงจากอำนาจอย่างสงบ"จังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สื่อฮ่องกง หมิงเป้า ชี้ว่า ขณะที่กลุ่มนักวิชาการภายในประเทศจีนต้อนรับการตัดสินใจของหู จิ่นเทา โดยเห็นว่าเป็นการสนับสนุนการนำของสี จิ้นผิง แต่อีกกลุ่มก็ว่า หากหู จิ่นเทาต้องการมีส่วนร่วมในการตัดสินนโยบายของกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่ ก็สามารถทำได้หลายวิธีการ ผู้อาวุโสแห่งเวทีการเมืองจีนยังไม่ไปไหนเสียง่ายๆหรอก.
คลิกอ่าน “สี จิ้นผิง” นั่งเก้าอี้นายใหญ่พรรคฯ-กุมทหาร เปิดตัว 7 บิ๊กแดนมังกรกรมการเมืองฯ กุมชะตาประเทศต่อ