ASTVผู้จัดการ – พรรคคอมมิวนิสต์จีนประจาน “ปั๋ว ซีไหล-หลิว จื้อจวิน” ชูเป็นตัวอย่างการเอาจริงปราบคอร์รัปชั่น แต่ยอมรับยังไม่เข้มพอ เตรียมยกเป็นวาระสำคัญในการประชุม "สมัชชา 18" วางระบบและแผนงานชัดเจนในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2556-2560) เผยสี่ปีกว่าที่ผ่านมามีสมาชิกถูกลงโทษไปแล้วว่า 6.6 แสนคน
ช่วงเย็นวานนี้ (7 พ.ย.) คณะกรรมการจัดการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 หรือ สมัชชาฯ 18 ได้จัดให้มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ณ มหาศาลาประชาชน บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง โดยมีนายไช่ หมิงเจ้า โฆษกการประชุมฯ เป็นผู้ชี้แจงและตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกที่เข้าร่วมหลายร้อยคน
นายไช่ เปิดเผยว่าการประชุม “สมัชชา 18” ซึ่งจะเป็นการถ่ายโอนอำนาจของผู้นำจีนครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 10 ปี จะมีขึ้นระหว่าง 9.00น. ของวันนี้ (8 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น จนถึงวันพุธที่ 14 พ.ย.
“การประชุมครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่จีนกำลังอยู่ในช่วงของการสร้างสังคมเพื่อมุ่งไปสู่สังคมแห่งการกินดีอยู่ดี ประกอบกับการปฏิรูปประเทศในเชิงลึก การเปิดประเทศ และการเร่งเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเจริญเติบโต” โฆษกฯ กล่าว และว่าการประชุมเพื่อการเตรียมการขั้นสุดท้ายได้จัดให้มีขึ้นในช่วงบ่ายวานนี้ โดยในที่ประชุมเตรียมการได้มีมติแต่งตั้งนายสี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปของการประชุม
จากการเตรียมการประชุมที่เน้นไปที่ 4 ประเด็นอันประกอบไปด้วย หนึ่ง การร่างรายงานทางการเมืองเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 สอง การปรับปรุงธรรมนูญพรรค สาม ขั้นตอน วิธีการ และสัดส่วนของการเลือกตั้งผู้แทนจำนวน 2,270 คน (ทว่าเสียชีวิตไป 2 คน จึงเหลืออยู่ 2,268 คน เข้าร่วมประชุม) ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 และ สี่ การเตรียมการเพื่อเลือกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 และ คณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยแห่งศูนย์กลางพรรคชุดใหม่ โดยนอกเหนือจากนี้แล้วประเด็นที่ทั้งสื่อมวลชนจีนและสื่อมวลชนจากทั่วโลกให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ กรณีข่าวอื้อฉาวของนายปั๋ว ซีไหล อดีตสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองจีน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองต้าเหลียน อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ และอดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครฉงชิ่ง และนายหลิว จื้อจวิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงรถไฟ สมาชิกระดับสูงของพรรคฯ ที่พัวพันกับคดีคอร์รัปชั่น คดีฆาตกรรมและการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ให้การรับรองอย่างเป็นทางการเพื่อขับนายปั๋ว และนายหลิวออกจากพรรคเรียบร้อยแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมสมัชชา 18 ครั้งนี้จะมีการดำเนินการอะไรอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันและจัดการกับปัญหาคอร์รัปชั่นที่สร้างความวิตกให้กับประชาชนบ้าง โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าผู้เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายไช่กล่าวว่า การดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อทั้งนายปั๋ว และนายหลิวเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของนโยบายพรรค
“คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น โดยมีการเน้นย้ำมาตลอดว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าตำแหน่งจะสูงแค่ไหน ขอเพียงเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงก็จะดำเนินการสืบสวนและลงโทษให้ถึงที่สุด ไม่มีการออมมือ การหาข้อเท็จจริงจากกรณีของปั๋ว ซีไหล หลิว จื้อจวิน เป็นต้นนั้นก็เป็นที่พิสูจน์ชัดว่าพรรคของเรามีทัศนะที่แน่วแน่แค่ไหนในการเชิดชูคุณธรรมในพรรคและต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น” นายไช่ระบุ
โฆษกการประชุมสมัชชา 18 ยังยอมรับด้วยว่า สังคมจีนอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ทำให้ในบางภาคส่วนมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น แต่ก็ยืนยันว่า การปราบคอร์รัปชั่นเป็นงานหนัก และเป็นภารกิจระยะยาวที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมิอาจละเลยได้
ด้านนายอ้าย ผิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิเทศสัมพันธ์แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็กล่าวยอมรับเช่นกันว่า ในช่วงที่ผ่านมาพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังทำงานด้านการปราบปรามคอร์รัปชั่นได้ไม่เข้มแข็งพอ
“การคอร์รัปชั่นหากมองในแง่ของความเป็นจริงแล้วก็เป็นเรื่องยากสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนในการป้องกันและกำจัดให้หมดสิ้น เนื่องจากสำหรับบางคนถือเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธการแสวงหาผลประโยชน์ แต่เราก็ยืนยันว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะไม่ไว้หน้าใคร ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงแค่ไหน ก็จะต้องดำเนินการจัดการให้ได้” นายอ้ายกล่าวกับผู้สื่อข่าว
นอกจากนี้ รมช.กระทรวงวิเทศสัมพันธ์แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังระบุถึงคำพูดของลอร์ด แอคตัน นักประวัติศาสตร์อังกฤษที่ว่า “อำนาจมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการทุจริต และยิ่งมีอำนาจสมบูรณ์ก็จะทุจริตโดยสมบูรณ์” ทั้งเปิดเผยด้วยว่า ในการต่อต้านการคอร์รัปชั่น นอกจากต้องดำเนินการอบรม ป้องกัน ตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจอย่างต่อเนื่องแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การออกแบบระบบไม่ให้เกิดการผูกขาดอำนาจรัฐ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจในระยะยาว
ด้านบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่เมื่อวันอังคารที่ 6 พ.ย. ก็ออกมาระบุตัวเลขว่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2550 ถึงมิถุนายน 2555 มีสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมากกว่า 660,000 คนถูกลงโทษจากการละเมิดวินัยของพรรค โดยในจำนวนนี้กว่า 24,000 คนได้ถูกส่งต่อเข้าไปในกระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ในปี 2554 จะมีผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยว่าประชาชนชาวจีนกว่าร้อยละ 72.7 ระบุว่าพอใจ หรือค่อนข้างพอใจ กับการต่อต้านการคอร์รัปชั่นของภาครัฐ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับตัวเลขร้อยละ 51.9 ของผลการสำรวจในปี 2546 แต่ความไม่ไว้วางใจต่อกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นของสามัญชน และปัญหาช่องว่างของการกระจายรายได้ของจีนที่นับวันจะยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นทุกทีก็ยังคงเป็นเชื้อที่กระตุ้นให้ทัศนะของประชาชนจีนทั่วไปต่อการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นเลวร้ายลงเช่นกัน
โฆษกการประชุมสมัชชา 18 เปิดเผยในการแถลงข่าววานนี้ด้วยว่า เนื่องจากความสำคัญในเรื่องดังกล่าว ในการประชุมใหญ่สมัชชาผู้แทนทั่วประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 จะมีการวางระบบการทำงานและแผนการทำงานเพื่อป้องกัน จัดการ และลงโทษเพื่อกำจัดการคอร์รัปชั่น ช่วง 5 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2556-2560 หรือ ค.ศ.2013-2017 อย่างเป็นรูปธรรมด้วย