เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - กลุ่มนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแดนมังกรกล่าวหาแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลกกว่า 20 ราย ทำใสซื่อ ว่าจ้างซัพพลายเออร์ผลิตสิ่งทอราคาถูกในจีน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า ซัพพลายเออร์เหล่านี้กำลังปล่อยน้ำเสียจากโรงงานผลิตสิ่งทอ ทำลายสิ่งแวดล้อมในชนบทอยู่โครม ๆ
ในรายงานขององค์การพัฒนาภาคเอกชน หรือ เอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อมรายใหญ่ 5 ราย ที่เผยแพร่ในกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ (8 ต.ค.) ประณามแบรนด์แฟชั่นเมืองนอกเหล่านั้น เช่น มาร์กแอนด์สเปนเซอร์, ดีสนีย์, เจ.ซี. เพนนีย์ , ราล์ฟ ลอเรน และทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์ ว่าเป็นตัวอย่าง ที่แย่ที่สุดของบริษัทข้ามชาติในจีน ที่ปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมกับเรียกร้องให้แบรนด์เหล่านี้ช่วยตรวจสอบการละเมิดกฎข้อบังคับในการปล่อยมลพิษของซัพพลายเออร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าป้อนให้กับแบรนด์ด้วย
เอ็นจีโอแดนมังกร อาทิ เฟรนด์สออฟเนเชอร์ ,สถาบันกิจการสาธารณะและสิ่งแวดล้อม , สถาบันกรีน บีเกิ้ล เคยออกรายงานทำนองเดียวกันนี้เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุรายชื่อแบรนด์ “ไร้ความรับผิดชอบ” 33 ราย ซึ่ง 1 ใน 3 ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่แบรนด์ที่เหลือไม่หือไม่อือ
อย่างไรก็ตาม แม้นายหม่า จวิน ผู้อำนวยการของสถาบันกิจการสาธารณะและสิ่งแวดล้อมได้เรียกร้องให้ผู้บริโภคช่วยกันกดดันแบรนด์แฟชั่นต่างชาติ ซึ่งไม่อาจสูญเสียลูกค้าได้ ทว่าเมื่อแบรนด์แฟชั่นให้ความร่วมมือจัดการแก้ไขปัญหา ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไร เนื่องจากซัพพลายเออร์บนแผ่นดินใหญ่สามารถหาลูกค้ารายอื่นได้ไม่ยาก
ขณะที่แบรนด์แฟชั่นเองยังต้องพึ่งแผ่นดินใหญ่ในการผลิตสิ่งทอสำหรับใช้ในการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูป แม้ปัจจุบันเสื้อผ้า ที่ขายในตลาดชาติตะวันตก มีมากขึ้น ที่ไม่ติดป้าย “made in China” แต่ติดป้ายว่าผลิตจากชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, แอฟริกา หรืออินเดียเสียมากกว่าก็ตาม
นอกจากนั้น นายหม่ายังเห็นว่า รัฐบาลจีนเองก็อ่อนปวกเปียก เมื่อต้องจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
เขายกตัวอย่าง ที่ทำให้รัฐบาลลำบากใจในการแก้ปัญหา ได้แก่กรณีบางอำเภอในเมืองเซ่าซิง มณฑลเจ้อเจียง ที่นั่นอุตสาหกรรมสิ่งทอมีส่วนสร้างการเติบโตของจีดีพีในท้องถิ่นเกินกว่าครึ่งหนึ่ง และหากรัฐบาลกำหนดบทลงโทษเป็นเงินค่าปรับด้วยจำนวนที่สูง ก็จะทำให้ซัพพลายเออร์ถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว ซึ่งจะพาให้เศรษฐกิจในภูมิภาคล่มไปด้วย
ด้านซัพพลายเออร์บางราย ซึ่งถูกตราหน้าว่า เป็นซัพพลายเออร์ ที่เลวร้าย ได้โอดครวญกับนายหม่าเช่นกันว่า แบรนด์แฟชั่นนอกกดส่วนต่างกำไรของพวกตนเสียอ่วม กระทั่งการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่อง ที่ทำไม่ได้เลย