เอเยนซี - สื่อจีนเอาจริงออกเสียงเตือนญี่ปุ่นวานนี้ (15 ส.ค.) กรณีที่ยุ่นเข้ามาแทรกแซงหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ สื่อกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีนคำรามว่า ปักกิ่งกำลังเตรียมการทำบางอย่างเพื่อปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะพิพาทอยู่
ก่อนหน้าที่หนังสือพิมพ์จีนจะออกโรงไม่นาน ก็มีนักเคลื่อนไหวแผ่นดินใหญ่ประมาณ 30 คนออกมาประท้วงหน้าสถานทูตญี่ปุ่นที่กรุงปักกิ่ง เรียกร้องให้จีนประกาศสงครามต่อต้านญี่ปุ่นเรียกอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ หรือเซนกากุในภาษาญี่ปุ่น คืนมา
ผู้ประท้วงโบกสะบัดธงชาติจีน ตะโกนร้องต้องการให้รัฐบาลจีนจัดการญี่ปุ่นที่ริอ่านมาจับนักเคลื่อนไหวจีน 5 คนที่เดินทางไปยังหมู่เกาะ เท่านั้นยังไม่พอจับเพิ่มอีก 7 คนที่เหลือที่อยู่บนเรืออีก “จีนควรประกาศสงครามต่อต้านญี่ปุ่นที่มาอ้างสิทธิ์เหนือเกาะเตี้ยวอี๋ว์” ข้อความบนป้ายผ้าระบุ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจากโอกินาวา เผยว่า ญี่ปุ่นจับคนจีนไปทั้งหมด 14 คน เมื่อวันพุธ (15 ส.ค.) โดยมี 7 คนที่ลงไปเหยียบเกาะเตี้ยวอี๋ว์ เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ญี่ปุ่นจับตัวไปในข้อหาต้องสงสัยว่าเข้ามาโดยผิดกฎหมาย และต่อมาก็เข้าทำการยึดเรือจับกุมเพิ่มเติมอีก
สื่อรายงานก่อนหน้านี้ว่า นักเคลื่อนไหวทั้ง 14 คนแล่นมากับเรือประมงฮ่องกง เพื่อเข้ามาดูเกาะเตี้ยวอี๋ว์ที่จีนอ้างสิทธิ์ โดยเรือแล่นออกจากท่าเรือที่ฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ (12 ส.ค.)
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนต้องระดมกำลังมาล้อมสถานทูตเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้ประท้วงก็ไม่ได้แสดงท่าทีจะบุกไปในสถานทูตฯ พวกเขาเพียงต้องการยื่นจดหมายปิดผนึกจ่าหน้าซองถึงนายโยชิฮิโกะ โนดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ว่า “โนดะเป็นอาชญากรที่ชาวจีนจะให้อภัยไม่ได้” จดหมายเขียนว่า “ทางออกทางเดียวของคุณก็คือหยิบมีดมาคว้านท้องซะ”
นายเฉิน ฟู่เล่อ หนึ่งในนักเคลื่อนไหว เผยว่า พวกเขาไม่มีแผนที่จะแล่นเรือไปยังหมู่เกาะฯ พวกเขาเช่าเรือลำหนึ่งได้อย่างยากเย็น
จากการจับตาของนักสังเกตการณ์ชี้ว่า รัฐบาลปักกิ่งกำลังตระเตรียมทำอะไรบางอย่างที่แรงขึ้น บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี เผยว่า จีนไม่มีเหตุผลที่จะต้องทนการกระทำของญี่ปุ่นอีกแล้ว และก็ควรจะตอบโต้ให้คล้ายกับที่ทำในช่วงวิกฤติที่เกาะหวงเหยียน (สกาโบโรห์โชล) ในทะเลจีนใต้ กับฟิลิปปินส์ได้แล้ว
สิ่งที่ปักกิ่งกระทำต่อกรณีพิพาทเหนือหมู่เกาะปะการังกับฟิลิปปินส์นั้น คือการควบคุมการนำเข้ากล้วยจากปินส์ และปักกิ่งก็ได้ส่งเสียงเตือนไปว่าจะทำการพิทักษ์น่านน้ำของตนเองอย่างจริงจัง
“หากว่าการเจรจาทางการทูตไม่อาจทำให้ยุ่นสงบเสงี่ยม เห็นทีคงต้องใช้กำลังบังคับให้ล่าถอย” นายจย่า ซิวตง นักวิจัยสถาบันนานาชาติศึกษาฯ เขียนลงในบทบรรณาธิการฯ
บทบรรณาธิการดังกล่าวเผยว่า จีนไม่ควรลังเลที่จะทำให้ญี่ปุ่นเลิกฝันเสียทีว่าจะครองเกาะเตี้ยวอี๋ว์
หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ภายใต้พีเพิลเดลีของจีน ส่งเสียงเตือนในบทบรรณาธิการเช่นกันว่า “ยุ่นต้องล้มมายาคติที่คิดว่าเกาะเป็นของตัวเองไปเสีย ยุ่นต้องเลือกว่าจะถอยหลังและหันมาสร้างเงื่อนไขเพื่อลดความตึงเครียด หรือจะหันหัวเรือรบพร้อมประจัญหน้ากับจีนอย่างจริงจัง ยุ่นเลือกอย่างไรจีนก็คงต้องตอบโต้ไปตามนั้น จีนไม่มีเหตุผลที่จะประนีประนอมกับยุ่นในเรื่องนี้อีกแล้ว”
ฝ่ายในกรุงไทเปของไต้หวัน นักเคลื่อนไหวหลายสิบคนรวมตัวหน้าสถานทูตญี่ปุ่น (โดยพฤตินัย) เรียกร้องให้หยุดครอบครองเกาะเตี้ยวอี๋ว์ พวกเขาตะโกนหน้าสมาคมเพื่อการแลกเปลี่ยนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสำนักงานตัวแทนญี่ปุ่นในไต้หวันในยามที่สองฝ่ายไม่ได้มีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการต่อกัน
“ไม่ว่าจะมีโอกาสมากหรือน้อยเพียงใด พวกเราจะไม่ยอมแพ้และจะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อไปยังเกาะเตี้ยวอี๋ว์ และประกาศอธิปไตยเหนือเกาะดังกล่าว” นายอิน ผีสยง แห่งสมาพันธ์จงหวาเป่าเตี้ยว ในไต้หวันเผย
อินและอีก 3 คนที่เหลือถูกบังคับให้ยกเลิกแผนการชิงเกาะฯ ร่วมกับสมาชิกจากฮ่องกงที่วางไว้ว่าจะร่วมเดินทางไปยังเกาะดังกล่าวฯ หลังจากกัปตันเรือปฏิเสธที่จะออกเรือ ซึ่งอ้างว่าได้รับแรงกดดันจากรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน เผยว่า รัฐบาลไม่เคยขัดขวางเรือประมงใด ๆ ในการออกหาปลา ตราบเท่าที่พวกเขาทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
นักเคลื่อนไหวชาวไต้หวันคนหนึ่งเผยว่า รัฐบาลไต้หวันควรจะร่วมมือกับปักกิ่งในการพิทักษ์อธิปไตยเหนือหมู่เกาะดังกล่าว ทว่าโฆษกกระทรวงต่างประเทศ นายสตีฟ สยาออกมาเผยว่า “พวกเราจะไม่ร่วมมือกับแผ่นดินใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
ภาพเหตุการณ์การปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์ของนักเคลื่อนไหวฮ่องกง อ้างสิทธิ์โดยการปักธงชาติจีนลงบนเกาะเตี้ยวอี๋ว์ ช่วงเวลาระหว่างวันที่ 12 ส.ค. - 16 ส.ค. และถูกญี่ปุ่นจับกุมไป (ภาพซินหวา)
ภาพนักเคลื่อนไหวชาวจีน 14 คน ถูกฝ่ายญี่ปุ่นควบคุมตัวไว้ โดยเช้าวันนี้ (16 ส.ค.) ขึ้นรถของตำรวจชายฝั่งญี่ปุ่นไปยังท่าเรือเมืองนาฮา โอกินาวา ในบรรดาผู้ที่ถูกคุมตัวป่าวร้องว่า “ปกป้องเกาะเตี้ยวอี๋ว์ เกาะเตี้ยว์อี๋ว์เป็นอาณาเขตของจีน” (ภาพซินหวา)