อนาคตทนายตาบอดเคว้ง จีนยังไม่ทำหนังสือเดินทางให้

บีบีซี-ทนายความตาบอดนักต่อสู้สิทธิมนุษยชน ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกนอกแดนมังกร เพื่อไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ได้เมื่อใด

นายเฉิน กวงเฉิง กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซี ขณะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงปักกิ่งว่า เขายังไม่ทราบว่า รัฐบาลจีนจะอนุญาตให้เขาเดินทางออกนอกประเทศได้เมื่อใด พร้อมกับร้องขอให้เจ้าหน้าที่จีนช่วยจัดทำเอกสารเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง เนื่องจากเขายังนอนรักษาอาการเท้าบาดเจ็บอยู่ โดยเจ้าหน้าที่จีนรับปากว่าจะช่วยเดินเรื่องให้ แต่ก็ยังไม่ลงมือ

นายเฉินระบุว่า เขายังมีการพูดคุยติดต่อกับทางสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ได้มาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ (6 พ.ค.) แต่กระทรวงการต่างประเทศจีนไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม

ขณะที่ยังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเดินทางออกนอกประเทศจีนนั้น ด้านรองประธานาธิบดี โจ ไบเด้น ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า วีซ่ากำลังรอนายเฉินอยู่แล้ว โดยจะออกให้แก่เขาในทันทีที่มีการยื่นขอ และทางวอชังตันคาดหวังว่า จีนจะยึดมั่นคำสัญญาที่จะอนุญาตให้เขาไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยมีการเสนอที่เรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) แก่เขา

นายเฉิน วัย 40 ปี เป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านการบังคับทำแท้งและการคุมกำเนิดภายใต้นโยบายลูกคนเดียวของจีน โดยนายเฉินได้หลบหนีจากการกักบริเวณภายในบ้านในมณฑลซานตงเมื่อเดือนก่อน และลี้ภัยในสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่งอยู่นาน 6 วัน จากนั้นนายเฉินยอมออกจากสถานทูตมารักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังจากรัฐบาลจีนได้รับรองความปลอดภัย ต่อมานายเฉินเปลี่ยนความตั้งใจ โดยตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากห่วงความปลอดภัยของครอบครัว

กรณีของนายเฉินได้บดบังข่าวการเจรจาระดับสูงประจำปีด้านการค้าและยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า หากนายเฉินต้องการไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็สามารถทำได้ ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นคลี่คลายทางตันในวิกฤตการทูตระหว่างชาติมหาอำนาจทั้งสอง

ในบทความแสดงข้อคิดเห็นในหนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีฉบับวันจันทร์ (7 พ.ค) ยังคงมีการกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของจีน ตลอดจนแทรกแซงกิจการภายใน

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนบทความนี้ย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะไม่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใด