เฉิน กวงเฉิง ออกจากสถานทูตมะกันแล้ว จีนยังยื่นคำขาด มะกันต้องขอโทษฯ ก่อนเจรจา

เอเยนซี - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผย (3 เม.ย.) นักเคลื่อนไหวตาบอด เฉิน กวงเฉิง ออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่งเพื่อเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ และได้พบหน้าสมาชิกครอบครัวอีกครั้ง ณ โรงพยาบาลเฉาหยัง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ขอโทษ ก่อนที่จะมีการเจรจาสำคัญระหว่างกัน

เฉิน กวงเฉิง ผู้เปิดโปงด้านดำของ ‘นโยบายลูกคนเดียว’ จนเป็นที่รู้จักระดับโลก รัฐบาลท้องถิ่นเมืองหลินอี๋ บ้านเกิดของเขาได้ดำเนินนโยบายคุมกำเนิดอย่างหยาบช้าสามานย์ บังคับให้ผู้หญิงทำแท้ง แต่เฉินได้ใช้วิชากฎหมายช่วยเหลือชาวบ้าน ปกป้องสิทธิของผู้ได้รับความเสียหายหรือถูกทำร้าย และได้เปิดโปงเรื่องเลวร้ายเหล่านี้กับสื่อ จนเขาถูกจำคุก และต่อมาก็ถูกกักบริเวณ

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา เฉินตัดสินใจหลบหนีออกจากบ้านที่ถูกกักบริเวณ และลี้ภัยอยู่ในสถานกงสุลสหรัฐฯ เพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะปลอดภัย

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางมาถึงจีนเพื่อทำการประชุมฯ นั้น ฝ่ายทูตสหรัฐฯ ก็เปิดเผยเรื่องราวของเฉินขึ้นมาทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเงียบเป็นเป่าสากก็ตาม เจ้าหน้าที่มะกันระบุว่า เฉิน กวงเฉิง นั้นถูกพาไปรักษาตัวในกรุงปักกิ่งแล้ว

“เฉิน กวงเฉิง มาถึงสถานพยาบาลในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเขาจะเข้ารับการรักษาตัว และพบหน้าสมาชิกครอบครัวอีกครั้ง” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ไม่เผยนามคนหนึ่งระบุ

ขณะนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเฉินมากนัก ทำให้ยังไม่ทราบว่าเฉินได้รับอนุญาตให้กลับบ้านหรือให้บินไปสหรัฐฯ ในท้ายที่สุด ซึ่งเฉินวัย 40 ปีเคยยืนกรานว่าจะอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ต่อไป

ขอโทษก่อนเจรจาฯ

แถลงการณ์วันพุธ (3 เม.ย.) ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าจะไม่ลงเอยด้วยดี เมื่อจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯขอโทษที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของตน

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน นายหลิว เว่ยหมิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่ เฉิน กวงเฉิง นักรณรงค์สิทธิมนุษยชนจีนหลบหนีไปยังสถานทูตสหรัฐฯ ในปักกิ่ง จีนถือว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน

หลิว เว่ยหมิน ตอบว่า เฉิน กวงเฉิง หลบหนีไปอยู่ในสถานทูตสหรัฐฯ 6 วัน ช่วงปลายเดือน เม.ย. กล่าวได้ว่าการที่สหรัฐฯ อนุญาตให้เฉิน กวงเฉิง อยู่ในสถานทูตเช่นนี้ เป็นวิธีการที่ไม่ปกติ และจีนไม่พอใจอย่างมาก วิธีการของสหรัฐฯ ดังกล่าวเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ จีนไม่อาจยอมรับได้ สถานทูตสหรัฐฯ
จะต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายของประเทศจีน มิบังควรกระทำการที่ไม่เหมาะสม
เช่นนี้

จีนได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ขอโทษ และจัดการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และต้องสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก

ด้านสหภาพยุโรป หรืออียู แถลงย้ำจุดยืนประเด็นสิทธิมนุษยชนในกรณีการกักขังเฉิน กวงเฉิง ในบ้านพักที่ซานตง โดยอ้างถึงการเจรจาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างผู้แทนจีนและอียู เรียกร้องให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้รับการคุ้มครองทาง
รัฐธรรมนูญ และกฎหมายจีนอย่างสมบูรณ์เต็มที่ รวมทั้งให้การคุ้มครองไปถึงสมาชิกครอบครัวและบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ นางฮิลลารี คลินตัน เองก็วิพากษ์วิจารณ์จีน เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อเฉิน กวงเฉิง ไว้อย่างมากเช่นกัน