เอเจนซี่ - เขตปกครองพิเศษฮ่องกงใกล้จะมีการพิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำระยะเวลา 1 ปี โดยบรรดานายจ้างระบุว่า กฎหมายฉบับนี้กำลังสั่นคลอนตลาดแรงงานอย่างคาดไม่ถึงทีเดียว
เพดานค่าแรงขั้นต่ำเดิมของฮ่องกงมีการกำหนดขึ้นโดยคณะกรรมการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำเมื่อเดือนต.ค. 2553 และคาดว่าจะมีการพิจารณากำหนดเพดานค่าแรงขั้นต่ำใหม่ในปีนี้
ตัวแทนฝ่ายนายจ้างระบุว่า การเพิ่มเพดานค่าแรงขั้นต่ำ ที่สูงตามการเรียกร้องของสหภาพแรงงาน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องอาจกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างรวดเร็วมาก และกระทบต่อทุกคนในฮ่องกง
นาย Andrew Lee Chun-lai รองประธานสมาคมบริษัทบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ (Association of Property Management Companies) ระบุว่า กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำทำให้โครงสร้างตลาดแรงงานเกิดความสับสนยุ่งเหยิง ส่งผลให้นายจ้างต้องลดจำนวนลูกจ้างลง และคาดว่าในอนาคตลูกจ้างอาจได้รับมอบหมายให้ทำงานในส่วนอื่นเพิ่มเข้ามาจากงานที่ทำอยู่ เช่น พนักงานทำความสะอาดอาจต้องทำงานเป็นคนสวน
นอกจากนั้น ยังส่งผลให้คนงาน ซึ่งทำงานใช้แรงงานมองหาตำแหน่งงาน ที่ง่ายกว่า ส่งผลให้งานใช้แรงงานตกมาอยู่ในมือของคนงานอายุมากกว่า ซึ่งขาดคุณสมบัติ และมีทางเลือกน้อย
ในเวลานี้คนทำงานล้างจาน หรือผู้มีอาชีพรับส่งเอกสาร และคนขับรถแท็กซี่ในฮ่องกงกำลังหันมาประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอาคารกันมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งทำงานวันละ 12 ชั่วโมงอาจมีรายได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (หากอิงจากฐานสัปดาห์ละ 7 วัน) ซึ่งมากกว่าผู้จบปริญญาตรีบางราย
ขณะที่คนงานที่เข้าทำงานใหม่บางรายมีรายได้เหมือนหัวหน้างานของตน
ทั้งนี้ จากตัวเลขของทางการ การยื่นใบสมัครเพื่อขออนุญาตประกอบอาชีพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมีจำนวน 3,699 รายในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าที่มีการบังคับใช้กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำได้ไม่นาน แต่จำนวนการยื่นใบสมัครขออนุญาตนี้เพิ่มกว่า 5,000 รายในเดือนส.ค.
แต่ในทางตรงกันข้ามกัน นาย Simon Wong ka-wa ประธานสมาพันธ์ภัตตาคารและธุรกิจการค้าที่เกี่ยวข้อง (Federation of Restautants and Related Trades) กล่าวว่า งานด้านการทำอาหารและโรงแรมที่พัก ตลอดจนภาคธุรกิจค้าปลีกมีตำแหน่งว่างพุ่งสูง โดยงานด้านการทำอาหารมีตำแหน่งว่างเพิ่มร้อยละ 15 เป็น 8,922 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำทำให้ค่าจ้างสำหรับงานบางประเภทเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 28 ดอลลาร์ฮ่องกง
กลุ่มที่อาจสูญเสียประโยชน์จากการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำได้แก่ลูกจ้างที่อายุมาก โดยในช่วงเดือนธ.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา อัตราการว่างงานในหมู่ลูกจ้างอายุเกินกว่า 60 ปี เพิ่มเป็นร้อยละ 2.7 จากร้อยละ 1.9 ในช่วงสามเดือน ก่อนจะมีการบังคับใช้กฎหมายค่าแรงขั้นต่ำ
Wilson Shea Kai-chuen ประธานสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของฮ่องกง (Hongkong Small and Medium Enterpeises Association) ระบุว่า เป็นเรื่องปกติ ที่เราจะเห็นลูกจ้าง ที่อายุน้อยกว่า และเพิ่งเข้าทำงานจะได้รับการจ่ายค่าตอบแทนสูงกว่าเพื่อนร่วมงาน ที่อายุมากกว่า และมีประสบการณ์มากกว่า
เมื่อลูกจ้างรุ่นหนุ่มสาวเข้ามาแย่งตำแหน่งงาน จึงทำให้ลูกจ้างที่มีอายุมากกว่าบางคนต้องหันไปทำงานที่กฎหมายครอบคลุมไม่ถึง เช่น หันไปประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่
ทั้งนี้ ฝ่ายคัดค้านกฎหมายฉบับนี้ยังเตือนด้วยว่า การกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่เหนือระดับร้อยละ 5 ในช่วงส่วนใหญ่ของปีที่แล้ว และยังอาจทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงได้