เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - วานนี้ (16 ม.ค.) พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือดีพีพียอมรับการลาออกของ ดร.ไช่ อิงเหวิน หัวหน้าพรรคฯ หลังจากพ่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลาออกนี้จะมีผลในวันที่ 1 มี.ค. และดูเหมือนว่าจะไปกระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจในพรรคระหว่างกลุ่มหัวเก่า (ฝ่ายอนุรักษ์นิยม) และกลุ่มยังเติร์ก (หัวก้าวหน้า)
ภายในพรรคดีพีพี ประเด็นผู้นำพรรคคนใหม่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอย่างหนัก เนื่องจากตำแหน่งผู้นำพรรคถือว่ามีความสำคัญ ผู้ที่ได้นั่งจะต้องลงแข่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในการเลือกตั้งสมัยหน้าต่อไป
หลังจากกลับมาเลียแผลตัวเองเนื่องจากพ่ายการเลือกตั้งแล้ว พรรคดีพีพียังคงเป็นฝ่ายค้านที่ยืนหยัดมั่นคงในการแสดงความไม่เห็นด้วยกับ “ฉันทามติ 1992” นักวิเคราะห์ชี้ว่าความไม่เห็นด้วยนี้เองทำให้ใช่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง
ตัวฉันทามตินี้ระบุอนุญาตให้ปักกิ่งและไทเปสามารถนิยามคำว่า “จีนเดียว” ของตนเองได้ เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง และจะนำมาสู่การเจรจาระหว่างช่องแคบไต้หวันให้บรรลุผลต่อไป
ในการต่อสู้ช่วงชิงการนำพรรคดีพีพีนั้น ผู้นำที่ทรงอิทธิพลในพรรคหลายคนก็เรียกร้องให้นางสาวไช่ อิงเหวินวัย 55 ปี ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป หลังจากที่เธอลาออกโดยให้เหตุผลว่าต้องรับผิดชอบกับความพ่ายแพ้ให้กับหม่า อิงจิ่วแห่งพรรคก๊กมินตั๋ง ห่างกันเพียง 6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนสมาชิกพรรคบางคนก็แสดงความเห็นให้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคตกเป็นของนักการเมืองรุ่นใหม่
ส่วนผู้มีอิทธิพลในพรรคฉายา 4 เทพสวรรค์อันได้แก่ อดีตนายกซู เจิงชัง, เซี่ย ฉังถิง, โหยว สีคุน รวมทั้งอดีตรองประธานาธิบดีหลี่ว์ ซิ่วเหลียน ก็ไม่มีใครที่แสดงความสนอกสนใจในตำแหน่งผู้นำพรรค และไม่ได้สนับสนุนผู้นำรุ่นใหม่เป็นการพิเศษแต่อย่างใด
ศาสตราจารย์อู๋ จื้อจง ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยตงอู๋ ไต้หวัน เผยว่า แม้ว่า 4 เทพแห่งพรรค โดยเฉพาะซูและเซี่ยจะยังคงมีอิทธิพลอยู่ในพรรคอย่างสูง แต่ก็ไม่วายจะต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์ หากลงมาแสดงความเห็นเรื่องผู้นำฯ
“ใครก็ตามแสดงความเห็นว่าสนใจในตำแหน่งฯ จะถูกโจมตีจากคนอื่นทันที” อู๋กล่าวพร้อมเสริมว่า “หากกลุ่มหัวก้าวหน้ารุ่นใหม่แสดงความสนใจในตำแหน่งนี้ คงไม่อาจหลีกเลี่ยงสงครามชิงบัลลังก์ผู้นำพรรคได้”
ศาสตราจารย์เฉิน เฉาเจี้ยน ผู้สอนด้านกิจการสาธารณะแห่งมหาวิทยาลัยหมิงฉวน ชี้ว่า “ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้เท่ากับชี้ว่าการปฏิเสธฉันทามติฯ ของพรรคดีพีพีนั้น เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ไช่ต้องพ่ายแพ้ และหากว่าในสมัยหน้าพรรคดีพีพีลงแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีก ก็ยังต้องมาถกเถียงกันว่าจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับฉันทามติฯ”
นักวิเคราะห์ฟากแผ่นดินใหญ่ชี้ว่า โอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพรรคดีพีพีที่จะได้รับแรงสนับสนุนในการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งนั้น พรรคดีพีพีเองต้องเลือกนโยบายที่ทำอะไรเป็นผลเชิงประจักษ์ได้สักอย่างหนึ่ง
“ไม่ว่าใครจะนั่งเก้าอี้ผู้นำพรรคดีพีพีก็ตาม เขาก็ต้องมาเกี่ยวข้องกับประเด็นความสัมพันธ์กับแผ่นดินใหญ่อยู่ดี” ศาสตราจารย์หลิว กั๋วเซิน ณ ศูนย์วิจัยไต้หวันแห่งมหาวิทยาลัยซย่าเหมินระบุ พร้อมเสริมว่า “หากจะทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคสะอาดสดใสขึ้น ก็ควรเลือกผู้นำดาวเด่นรุ่นใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งฯ”