เอเอฟพี - นางสาวไช่ อิงเหวิน ผู้นำพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี วัย 55 ปี เป็นสตรีไต้หวันคนแรก ที่หมายมั่นปั่นมือจะคว้าตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งเกาะมังกรน้อยจากนาย หม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีจากพรรคก๊กมินตั๋งคนปัจจุบันให้ได้ ด้วยบุคลิกภาพ ที่ดูเรียบ ๆ ไม่เจ้าสำบัดสำนวนเหมือนนักการเมืองทั่วไป ทว่าเธอผู้นี้ก็เข้าตำรา “อ่อนนอกแข็งใน”
ในศึกการเลือกตั้ง ที่คะแนนนิยมระหว่างไช่กับประธานาธิบดีหม่ามาคู่คี่สูสีกันนั้น เธอยังพยายามใช้ความเป็นเพศแม่ช่วงชิงความได้เปรียบในสังคมของไต้หวัน ที่ครอบงำด้วยบุรุษเพศ ในช่วงหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเปิดฉากขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.นี้อีกด้วย
“สังคมของเราจะมีความกลมเกลียวกันมากขึ้น และประเทศของเราจะมีความสามัคคีปรองดองกันมากกว่านี้ หากมีผู้หญิงเข้ามารับผิดชอบบ้านเมือง” ไช่ประกาศระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงกับบรรดาผู้สนับสนุน
สตรีซึ่งเกิดในตระกูลมังคั่ง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยไต้หวันแห่งชาติ มีดีกรีปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ และปริญญาเอกจากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (The London School of Economics and Political Science) เป็นเครื่องรับประกันสติปัญญาผู้นี้ ได้ให้คำมั่นว่า เธอจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับพรรคดีพีพี ลบอดีตที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น และพยายามหาฐานเสียงสนับสนุนในกลุ่มชนชั้นกลางในเมือง นอกเหนือจากฐานเสียงผู้ใช้แรงงาน
ไช่เดินทางกลับไต้หวันเพื่อสอนหนังสือในปี 2527 และเริ่มทำหน้าที่ให้คำปรึกษารัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีหลี่ เติงฮุยเกี่ยวกับนโยบายการค้าระหว่างประเทศและนโยบายเกี่ยวกับจีน จากนั้น รับตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลเป็นครั้งแรกในปี 2543 ในการบริหารประเทศสมัยแรกเป็นระยะเวลา 4 ปีของประธานาธิบดีเฉิน สุยเปี่ยน โดยไช่ดำรงตำแหน่งประธานสภากิจการด้านแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นคณะผู้ทำงานสูงสุดในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับจีน ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานาธิบดี จนกระทั้งครบวาระการบริหารประเทศสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีเฉินในเดือนพ.ค. 2551 อย่างไรก็ตาม ไช่เคยพ่ายแพ้หวุดหวิดการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของนิวไทเปซิตี้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีพลเมืองหนาแน่นที่สุด และเป็นฐานเสียงของพรรคก๊กมินตั๋งในปี 2553
นอกจากนั้นไช่ยังเคยถูกมองอย่างไม่เชื่อถือจากคนภายในพรรคดีพีพีด้วยกันเองว่า จะนำนาวาลำนี้โลดแล่นไปได้แค่ไหน เพราะบุคลิกที่ดูอ่อน ๆ แตกต่างจากสไตล์ของสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ แต่ไช่ ก็สามารถฟื้นฟูชื่อเสียงของพรรคที่ฉาวโฉ่ด้วยเรื่องคอร์รัปชั่น และนำพรรคชนะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในหลายสนามมาแล้ว
“ ไช่เป็นหญิงแกร่ง แต่เธอรู้ว่าเมื่อถึงคราวที่จำเป็นก็ต้องเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้ เธอเป็นคนประเภทอ่อนนอกแข็งใน และเป็นคนเข้มแข็ง” นายฌ็อง-ปิแอร์ แค้บสแตน ผู้เชี่ยวชาญด้านไต้หวันของมหาวิทยาลัยฮ่องกงแบ๊ปติสต์ ระบุ
แม้ว่า ผลสำรวจคะแนนนิยมของไช่ยังตกเป็นรองประธานาธิบดีหม่าอยู่เล็กน้อย แต่จากผลสำรวจผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงระบุว่า ไต้หวันพร้อมแล้วที่จะมีประธานาธิบดีเป็นผู้หญิง โดยจากผลสำรวจของช่องเคเบิลทีวีบีเอสเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า ผู้เห็นว่าไช่มีความน่าเชื่อถือมีสูงถึงร้อยละ 47 ขณะที่ร้อยละ 28 ไม่เห็นด้วย
ศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีแดนมังกรน้อยครั้งนี้จึงน่าจับตายิ่ง และการรณรงค์หาเสียงคราวนี้คู่ชิงชัยหันมาเน้นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจเป็นหลัก ผิดจากแต่ก่อน ที่การดำเนินนโยบายเกี่ยวกับจีนเป็นเรื่องสำคัญของพรรคการเมืองในไต้หวัน
หากผู้นำพรรคดีพีพี ซึ่งมีจิตใจอยากประกาศเอกราชไต้หวันจากจีน สามารถโค่นประธานาธิบดีหม่า ซึ่งดำเนินนโยบายฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีนมาจนแน่นแฟ้นได้สำเร็จแล้ว นักวิเคราะห์มองว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวันก็อาจต้องถอยหลังกลับไปเริ่มต้นกันใหม่ ซึ่งจะเป็นไปในรูปไหนก็ต้องรอดูกันต่อไป