อดีตปธน.ไต้หวัน “หลี่ เติงฮุย” หนุนฝ่ายค้านดีพีพีในการเลือกตั้งปธน.

เอเอฟพี - นายหลี่ เติงฮุย อดีตประธานาธิบดีไต้หวัน ให้การรับรองพรรคฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (11 ม.ค.) โดยแสดงความหวังว่าไช่ อิงเหวินผู้นำฝ่ายค้านจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันวันที่ 14 ม.ค.นี้ และจะสามารถธำรงอธิปไตยและผลประโยชน์ระยะยาวของไต้หวันไว้ได้

นางสาวไช่ อิงเหวินผู้นำพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี ซึ่งมีแนวนโยบายเรียกร้องอิสรภาพจากจีนนั้น จะต้องลงแข่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีกับ หม่า อิงจิ่ว แห่งพรรคก๊กมินตั๋ง ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่กำลังจะหมดวาระ หากครั้งนี้ไช่ได้ชัยชนะ เธอก็จะกลายเป็นผู้นำหญิงคนแรกของไต้หวัน

หลี่ เติงฮุย เผยในจดหมายที่เขียนด้วยลายมือในหน้าแรกหนังสือพิมพ์ว่า “ผู้นำควรจะถอยลงจากเก้าอี้ ถ้าหากทำงานไม่ดี และนี่เป็นเหตุผลที่ผมออกมาเรียกร้องให้หม่าหยุดบริหารไต้หวันได้แล้ว”

“ไต้หวันต้องการผู้นำที่มีความสามารถ กล้าตัดสินใจและรับผิดชอบ ซึ่งต้องยินดีที่จะสื่อสารและใส่ใจประชาชน .. ผมเชื่อว่า ไช่ อิงเหวินสามารถทำได้”

หลี่ เติงฮุยวัย 88 ปี อดีตผู้นำพรรคก๊กมินตั๋ง ออกมาวิจารณ์หม่า อิงจิ่วว่า หม่าทำงานเพียงเพื่อเอาใจธุรกิจใหญ่เท่านั้น แต่ไม่ยอมสนใจบริษัทรายเล็ก ชนชั้นแรงงานและชาวนา แต่กลับไปเน้นการผูกสัมพันธ์ทางการค้าที่ใกล้ชิดกับจีน

“ไต้หวันสามารถทำธุรกิจกับจีนได้ แต่ก็ต้องธำรงอธิปไตยไว้ด้วย เพื่อจะได้สามารถสนับสนุนนักธุรกิจไต้หวันที่เข้าไปลงทุนบนแผ่นดินใหญ่และเพื่อการันตีผลประโยชน์ระยะยาวของไต้หวันได้” หลี่ย้ำ

หลี่เรียกร้องให้จีนเข้าใจว่า หากว่าจีนติดต่อกับไต้หวัน จีนต้องเผชิญหน้ากับประชาชนไต้หวันทั้งหมด ไม่ใช่พรรคการเมืองพรรคเดียวที่จะมามีอำนาจในการตัดสินใจ

“ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าใครที่ได้รับเลือกตั้งก็ตาม จีนก็ยังคงต้องเข้ามาติดต่อกับไต้หวัน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบคงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันอย่างแน่นอน” หลี่บรรยาย

ในช่วงที่หลี่ เติงฮุยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันในปี 2531-2543 เขาดำเนินนโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับจีน และพยายามแยกความต่างของไต้หวันจากจีน ทำให้ในปี 2538 และ 2539 จีนส่งขีปนาวุธมาใกล้เกาะไต้หวัน ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ส่งกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาในพื้นที่ด้วย

หลี่ยังคงยินดีสนับสนุนนโยบายฝั่งเรียกร้องอิสรภาพ ดังนั้นจึงวิจารณ์รัฐบาลปัจจุบัน และชี้ว่า จีนมีเจตนาจะใช้ข้อตกลงทางการค้ามาเป็นประเด็นหลักในแผนการผนวกเกาะไต้หวัน

ไต้หวันและจีนแบ่งแยกการปกครองนับแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองเมื่อปี 2492 แต่จีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่รอการหวนคืน และหากจำเป็นอาจใช้กำลังทหารในการผนวก.