เอเจนซี - บริษัทผลิตระบบโซนาร์ชั้นนำของโลกคาด มะกันพร้อมทุ่มเงินไม่อั้น สั่งซื้อระบบโซนาร์ชั้นยอด ตรวจหาเรือดำน้ำชนิดพลิกมหาสมุทรแปซิฟิก หวังสกัดการแผ่แสนยานุภาพทางทะเลของพญามังกร
นายราเกช ชาร์มา ประธานฝ่ายบริหารสูงสุดของบริษัทอัลตร้าอิเล็กทรอนิกส์โฮลดิ้งส์พีแอลซี (Ultra Electronics Holdings Plc) ผู้ผลิตเครื่องตรวจจับระบบโซนาร์รายใหญ่สุดในโลกเปิดเผยว่า การเสริมสร้างกองทัพเรือของจีนจะบีบให้สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรต้องทุ่มเทงบประมาณจัดซื้อเครื่องมือ ที่สามารถตรวจจับเรือดำน้ำได้ แม้อยู่ในสภาพที่เรือซุ่มกบดานในเส้นทางขนส่ง ซึ่งมีเสียงดังอึกทึกอย่างที่สุดก็ตาม
ดังนั้น ในภาวะที่มีการตัดทอนงบประมาณกลาโหมทั่วโลก แต่ธุรกิจเครื่องตรวจระบบโซนาร์กลับกำลังขยายตัว
“ยกตัวอย่างสินค้าประเภทแร่และโภคภัณฑ์ ทั้งหมดนี้ต้องขนส่งกันทางทะเล จึงกลายเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องให้การคุ้มกันเส้นทางการค้า ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งสหรัฐฯ จะเริ่มลงทุนในการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ เมื่อภัยคุกคามจากจีนส่อเค้าเกิดมากขึ้น” นายชาร์มากล่าว
สหรัฐฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยประธานาธิบดีบารัก โอบาม่าประกาศเมื่อกลางเดือนพ.ย.ว่า เขาได้วางกำลังทหารนาวิกโยธิน 2,500 นายในออสเตรเลียตอนเหนือ เพื่อเสริมความปลอดภัยในเส้นทางทะเลสำคัญ
จากข้อมูลของสถาบันเพื่อการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศในกรุงลอนดอน ปัจจุบัน จีนมีเรือดำน้ำอยู่แล้ว 60 ลำ ซึ่ง 8 ลำเป็นเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ขณะเดียวกัน จีนยังกำลังดำเนินการทดสอบเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน เรือนี้เคยเป็นของอดีตสหภาพโซเวียต และจีนนำมาพัฒนาใหม่
ขณะที่ ไอเอชเอส เจนส์ (HIS Jane’s) บริษัทวิจัยด้านการทหารยังระบุด้วยว่า จีนน่าจะสร้างเรือดำน้ำจำนวน 86 ลำสำหรับกองเรือของจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยจีนมีแผนต่อเรือดำน้ำ 30 ลำในช่วงปี 2563
สำหรับเทคโนโลยีล่าสุดของบริษัทอัลตร้านั้นเป็นการใช้ “โซโนบอย” (sonobuoy) หรือทุ่นตรวจจับโดยใช้คลื่นโซนาร์ โดยจะใช้โซโนบอยหลายอัน ทิ้งลงมาจากเรือ หรือเครื่องบิน จากนั้นโซโนบอย จะส่งข้อมูลกลับจากทิศทางและความถี่ต่าง ๆ เพื่อแจ้งให้รู้ว่า วัตถุ ที่ตรวจจับได้นั้นเป็นเรือดำน้ำ ก้อนหิน หรือว่าวาฬ โดยเทคโนโลยีรุ่นก่อนของอัลตร้าไม่อาจแยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิตได้
นอกจากนั้น บริษัทอัลตร้า ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองกรีนฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ยังกำลังพัฒนาระบบโซนาร์สำหรับปฏิบัติการในย่านเอเชีย-แปซิฟิก โดยระบบโซนาร์นี้จะปล่อยการสั่นสะเทือนของเสียง ที่ทรงพลังมากกว่าเดิม และสามารถตรวจหาเรือดำน้ำ ซึ่งอยู่ในน่านน้ำ ที่มีเสียงดังมากที่สุด เช่นช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางหลัก ที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย หรือในทะเลจีนใต้ ซึ่งอุดมไปด้วยแหล่งน้ำมัน และกำลังเกิดข้อพิพาทแย่งสิทธิ์ครอบครองระหว่างจีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์ นอกจากนั้น ยังมีความสามารถตรวจจับในบริเวณ ที่มีระดับอุณหภูมิและความเค็มหลากหลาย ซึ่งช่วยอำพรางได้แม้กระทั่งเรือ ที่อยู่ใกล้เฉียดจมูก
“น้ำเป็นฉนวนที่ดีมาก ๆ เวลาที่เรือดำน้ำซุ่มอยู่ก้นทะเล โดยไม่ไหวติงนานหลายวัน มันจะถูกตรวจหาได้ยากมาก” นายชาร์มาอธิบาย
“อาจมีเรือดำน้ำอยู่ห่างจากเรือของคุณแค่ 5 กิโลเมตร แต่คุณไม่ยักรู้ ขณะที่เรือ ซึ่งอยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร คุณกลับตรวจจับได้ง่ายดาย มันไม่เกี่ยวกับเรื่องระยะห่าง แต่เกี่ยวกับว่า เสียงกำลังเดินทางอย่างไร”
นายชาร์มายังเปิดเผยด้วยว่า ขีดความสามารถของจีนทำให้สหรัฐฯ วิตกหนักมาตั้งแต่ปี 2549 เมื่อจู่ๆ เรือดำน้ำพิฆาตชั้นซ่ง ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังดีเซลของจีนโผล่ขึ้นผิวน้ำ โดยที่สหรัฐฯ ไม่สามารถตรวจจับได้เลยทั้งที่อยู่ภายในรัศมีการยิงของตอร์ปิโดของกองเรือรบ ซึ่งนำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินคิตตี้ ฮอว์ก ก็ตาม