จีนสร้างทหารเชี่ยวชาญอาวุธไฮเทค เสริมเขี้ยวเล็บกองทัพ

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - กองทัพจีนตั้งเป้าสร้างทหารหน่วยพิเศษ เชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงครามไฮเทค และการปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมภายในประเทศและนอกประเทศภายในปี 2563 หรืออีก 9 ปีข้างหน้า

คณะกรรมาธิการทหารแห่งชาติ (CMC) แถลงทางเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมเมื่อวันจันทร์ (18 เม.ย.) ว่า เป้าหมายดังกล่าวดำเนินไปตามนโยบายการปรับปรุงกองทัพจีนให้ทันสมัย เนื่องจากปัจจุบัน กองทัพจีนมีสรรพาวุธ ซึ่งใช้เทคโนโลยีชั้นสูง แต่ทหารในกองทัพมีคุณสมบัติ ที่ล้าหลังจากอาวุธเหล่านั้นอยู่มาก

ภายใต้แผนดังกล่าว กองทัพจะมุ่งสร้างทหาร ซึ่งมีความสามารถพิเศษใน 4 ด้านหลักได้แก่ทหารซึ่งเชี่ยวชาญการบังคับบัญชาปฏิบัติการร่วมทางทหาร, การสร้างและการบริหารข้อมูลข่าวสาร, เทคโนโลยีด้านไซเบอร์ รวมทั้งการใช้และซ่อมบำรุงอาวุธสงครามประเภทใหม่ โดยนักเรียนนายร้อย และบุคคล ซึ่งมีศักยภาพ ที่จะพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในกองทัพจะเป็นแหล่งบุคลากร ที่มีความสามารถพิเศษ 2 แหล่งสำคัญ

นอกจากนั้น ตามแนวนโยบายดังกล่าวยังตั้งเป้าเร่งรัดพัฒนากองกำลัง ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจกู้ภัยของกองทัพ ซึ่งสามารถปฏิบัติภารกิจฉุกเฉินได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นการปราบปรามโจรสลัด และการบรรเทาทุกข์ ซึ่งเกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติ โดยนอกจากโครงการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาในส่วนของจีนแล้ว ยังต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้คำชี้แนะอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลปักกิ่งเริ่มยกระดับความสามารถทางการทหารมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ1990 ซึ่งรวมทั้งการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเป็นตัวเลข 2 หลักโดยเฉลี่ยต่อปี และเร่งการพัฒนาโครงการอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น เจียน-20(歼-20) เครื่องบินขับไล่สเตลท์ลำแรกของจีน , เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรก และขีปนาวุธพิฆาตเรือบรรทุกเครื่องบิน DF-21D

นอกจากนั้น กองทัพจีนยังซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซีย, ยูเครน และชาติอื่น ๆ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อาวุธจำนวนมากมายเหล่านี้ต้องเก็บไว้ในคลังแสง เนื่องจากขาดบุคลากร ที่มีคุณสมบัติในการใช้

ภายใต้แนวนโยบายดังกล่าว ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ซึ่งเป็นประธาน CMC ยังอนุมัติการตั้งระบบปกป้องผลประโยชน์ของทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากร ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อรักษาคนเหล่านี้ไว้ในกองทัพ โดยจะมีการนำระบบการประเมินผลอย่างครอบคลุมมาใช้พิจารณาการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ระบบใหม่นี้จะครอบคลุมถึงนายทหาร ซึ่งมีความสามารถพิเศษแต่มิได้ประจำการในกองทัพอีกด้วย แม้ว่าจะมีการลดกำลังพลในกองทัพลงเหลือ 1 ล้าน 5 แสนนายในอนาคตก็ตาม