ซินหวา - คณะมุขมนตรีจีนเปิดเผยเมื่อวันพุธ (13 ต.ค.) ว่า กำลังระดมวิธีการใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อยของประเทศ ที่ประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว โดยลั่นว่า การให้การสนับสนุนทางการเงินการคลังอย่างเข้มงวด จะช่วยให้บรรดาผู้ประกอบการฟื้นตัวผ่านพ้นอุปสรรคทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ไปได้
แถลงการณ์ในที่ประชุมคณะมุขมนตรี อันมีนายกรัฐมนตรีจีน นายเวิน จยาเป่าเป็นประธาน ระบุว่า “ธุรกิจขนาดเล็กในจีนมีความสำคัญหลักในการสร้างเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยภาพรวม ตลอดจนช่วยในการสร้างงาน ช่วยพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ตลอดจนทำให้สังคมมีเสถียรภาพ เรียกว่าคุณูปการนั้นอุ่นหนาฝาคั่งเลยทีเดียว”
คณะมุขมนตรีจีนยอมรับว่า ธุรกิจรายเล็กและรายย่อยนั้นกำลังเผชิญปัญหา เนื่องจากต้องรับภาษระภาษีที่หนักหน่วง และความยุ่งยากในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้
“พวกเรากำลังติดตามแก้ไขปัญหานี้อย่างใกล้ชิด” แถลงการณ์ระบุ
การสนับสนุนทางการเงินและการคลังนี้จะแจกจ่ายกระจ่ายไปยังภาคส่วนที่เป็นฐานเศรษฐกิจของชาติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจขนาดเล็กที่กำลังต้องปรับตัวให้เข้ากับข้อเรียกร้องด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐ ให้สามารถจ้างงานได้เพิ่มขึ้น และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
แถลงการณ์หลังการประชุมฉบับนี้ฯ ออกมาหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเวิน จยาเป่าของจีนเดินทางเยือนเมืองเวินโจว เมืองเอกที่คลาคล่ำไปด้วยผู้ประกอบการของมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งประสบปัญหาหนี้สินรุงรัง สืบเนื่องจากนโยบายคุมเข้มการเงินของรัฐบาลกลางที่ทำให้ท้องถิ่นมิอาจปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรายเล็กได้
ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดย่อยเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนแล้วถือว่าสร้างงานให้กับประเทศถึงร้อยละ 80 แต่ทว่าเงินทุนหมุนเวียนที่ไปขอกู้กับธนาคารช่างยากเย็นแสนเข็ญ เนื่องจากธนาคารเองชอบปล่อยกู้ให้กับบริษัทใหญ่มากกว่า โดยเฉพาะบริษัทรัฐวิสาหกิจที่รัฐกินหุ้นส่วนอยู่ด้วย เพราะมีความแน่นอนเรื่องการเงิน
เนื้อหาในแถลงการณ์ของคณะมุขมนตรี ระบุว่า ธนาคารควรจะเพิ่มวงเงินการกู้ยืมเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก ขณะที่อัตราการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่เกิน 5 ล้านหยวน จะต้องไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของการการปล่อยกู้ทั้งหมดของธนาคารในประเทศ
“สถาบันการเงินหรือธนาคารขนาดเล็ก ที่มีเป้าหมายปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก อาจจะถูกสั่งให้เก็บเงินสดสำรองน้อยไว้ต่ำกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ได้ ซึ่งน้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่” แถลงการณ์เผย
ธนาคารพาณิชย์ถูกสั่งห้ามเก็บค่าธรรมเนียมด้านการจัดการกองทุน ค่าธรรมเนียมการให้คำปรึกษาทางการเงิน และค่าธรรมเนียมที่ไร้เหตุผลอื่น ๆ กับผู้ประกอบการขนาดเล็ก
คณะมุขมนตรียังเสนอช่องทางทางการเงินที่มากขึ้นให้กับธุรกิจขนาดเล็กในการระดมทุนหาเงินกู้ โดยให้คำมั่นว่าจะมีการออกธนบัตร พันธบัตร หรือตราสารระยะสั้นเพื่อช่วยเหลือด้วย
เซียว หยวนชี เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน (CBRC) เผยเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาว่า “ปริมาณหนี้ค้างชำระของบรรดาผู้ประกอบการขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 26.6 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี มูลค่าถึง 9.85 ล้านล้านหยวน เมื่อสิ้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเพิ่มเร็วกว่าปริมาณหนี้โดยรวมทั้งหมดของธนาคารในจีนเสียอีก”
นายกเวินเผยว่า ธนาคารควรจะอดทนกับหนี้เสียเอ็นพีแอลที่เกิดจากผู้ประกอบการรายเล็ก พร้อมแนะให้กำหนดเป้าหมายออกเป็นสัดส่วนและขยายการปล่อยกู้ให้กับบริษัทเล็ก ๆ เหล่านี้ รวมทั้งควรลดการค้ำประกันให้น้อยลง หรือเรียกว่าลดข้อจำกัดให้มากเพื่อทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กกู้ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ส่วนปัญหาความกังวลเรื่องหนี้นอกระบบที่บรรดาผู้ประกอบการหนีไปซบอกแล้วต้องผิดหวังกับดอกเบี้ยที่แพงหูฉีกนั้น แถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลจะต้องหาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดการกู้ยืมนอกระบบเสีย พร้อม ๆ กับการลงโทษการปล่อยกู้อย่างผิดกฎหมายให้จริงจัง
เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ คณะมุขมนตรียังได้กำหนดนโยบายงบประมาณประจำปี เช่นการขยายรายได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีสำหรับธุรกิจเล็ก ๆ และยกเลิกการเก็บภาษีสัญญาเงินกู้ที่ธนาคารทำกับธุรกิจขนาดเล็ก 3 ปี เพื่อต้องการฟื้นฟูธุรกิจเหล่านี้ให้ได้
ผู้ประกอบการในเวินโจวอย่างน้อย 80 รายที่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็หนีเร้นไปซ่อนเพราะมิอาจใช้หนี้สินมากนับ 10,000 ล้านหยวนได้