xs
xsm
sm
md
lg

หนังสือเล่มใหม่ของจู หรงจี ย้ำรัฐมนตรี “อย่าเป็นลูกขุนพลอยพยัก”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ The Record of Zhu Rongji ‘s Talks” หนังสือเล่มล่าสุดของจู หรงจีวางแผงจำหน่ายในกรุงปักกิ่งโดยผู้คนมากมายยกย่องเขาว่า เป็นผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่เศรษฐกิจจีน – เอเอฟพี
เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - จู หรงจี อดีตนายกรัฐมนตรี เจ้าของสมญานาม “ซาร์แห่งเศรษฐกิจจีน” ปัจจุบันอายุ 83 ปีแล้ว

เมื่อช่วงต้นเดือนก.ย. เขาได้ออกหนังสือเล่มล่าสุด ซึ่งเป็นเล่มที่ 4 ของเขา ชื่อเรื่องว่า “ The Record of Zhu Rongji ‘s Talks” หรือ “บันทึกการแสดงปาฐกถาของจู หรงจี”

หนังสือความยาวกว่า 2,000 หน้าได้รวบรวมสุนทรพจน์ ข้อคิดเห็น และจดหมายของนายจูจำนวน 348 ชิ้นในช่วงที่เขาเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารในปี 2534 และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2541 จนกระทั่งปลดเกษียณเมื่อต้นปี 2546

หนังสือเล่มนี้เผยให้เห็นลักษณะการทำงานของนายจู ซึ่งมีความพิเศษ แตกต่างจากผู้นำคนอื่นในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำให้เข้าใจดีขึ้นว่า เหตุใดเขาจึงถูกมองว่าเป็นนักปัจเจกชนนิยมอย่างแรงกล้า มีพันธมิตรน้อยท่ามกลางศัตรูในระบบราชการ

ทว่านายจูกลับมีผู้นิยมชมชอบเขามากมายในต่างประเทศ และในหมู่พวกรากหญ้าบนแผ่นดินใหญ่ ด้วยความที่เขายึดมั่นในหลักการด้านศีลธรรมอย่างมาก ซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว มีจริยธรรมในการทำงาน และทำงานเพื่อปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างทุ่มเท แต่เจ้าหน้าที่รัฐ และพวกผู้บริหารรัฐวิสาหกิจไม่ชอบขี้หน้า เพราะเขายอมหัก ไม่ยอมงอกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และระเบียบขั้นตอนของทางการ ที่ยุ่งยาก แต่ไร้ประสิทธิภาพ อีกทั้งชิงชังพวกเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับความทุกข์ยากของประชาชน

ข้อคิดเห็นของนายจูในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2541 เป็นสิ่งยืนยันกิตติศัพท์เหล่านั้น

นายจูแนะนำคณะรัฐมนตรีว่า “จงเป็นผู้ขัดคอ อย่าเป็นลูกขุนพลอยพยัก”

ปรากฏในเวลาต่อมาว่า นายจูได้เลื่อนตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับกลางในกระทรวงผู้หนึ่ง เป็นรัฐมนตรี แม้ว่าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นโต้เถียงกับนายจูคอเป็นเอ็นเกี่ยวกับนโยบายสำคัญเรื่องหนึ่งก็ตาม

นายจูกล่าวกับคณะรัฐมนตรีด้วยว่า พวกคุณควรเป็นผู้รับใช้ประชาชน ปราศจากอภิสิทธิ์ กล้าพูดความจริง เป็นเจ้าหน้าที่มือสะอาด ทำงานหนัก และ“ติดดิน” ในการแก้ไขปัญหา ที่เป็นปัญหาจริง ๆ

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก นายจูยังบัญญัติกฎ 3 ข้อ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดระเบียบขั้นตอนของทางการ ที่ยุ่งยาก ทว่ากฎระเบียบเหล่านั้น ดูเหมือนถูกลืมเลือนไปแล้วในทุกวันนี้

นายจูต้องการปรับปรุงพิธีรีตองให้เรียบง่าย แต่หากยกเลิกไม่ได้ ก็ให้ลดความฟุ่มเพือยในการจัดเลี้ยงต้อนรับเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือผู้ตรวจการ การพบปะสังรรค์ ห้ามนำเงินของประชาชนมาใช้ โดยนายจูตรากฎว่า มื้ออาหารกลางวัน เพื่อเจรจาธุรกิจ อาหารบนโต๊ะไม่ควรเกิน 4 จานกับน้ำซุป 1 ถ้วย และควรจัดที่โรงอาหารมากกว่าที่โรงแรมระดับ 5 ดาว โดยไม่มีเจ้าหน้าที่คอยติดสอยห้อยตาม

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก นายจูยังสั่งปรับคณะรัฐมนตรีให้กระชับคล่องแคล่ว โดยลดจำนวนรัฐมนตรีในส่วนกลางและหน่วยงานลง ตลอดจนลดคณะผู้ทำงานในคณะรัฐมนตรีลงครึ่งหนึ่ง

“ซาร์แห่งเศรษฐกิจจีน” ยังเปิดเผยด้วยว่า เขาไร้ความสามารถในการจัดการปัญหาให้เรียบร้อยในท่ามกลางการขาดความสนใจเอาใจใส่ของระบบราชการ

“ ประสบการณ์ 8 ปีของผมบอกผมว่า คุณควรจัดการประชุม 8-10 หน เพื่อแก้ไขปัญหาหนึ่ง” เขาระบุ

“ ถ้าสิ่งที่คุณพยายามทำให้สำเร็จนั้น คุณทำได้สัก 20 % ก็อาจจะไชโยโห่ร้องได้แล้วว่า สำเร็จ”

กระทั่งเมื่อนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย ก่อนพ้นวาระนายกรัฐมนตรี นายจูแสดงความเป็นห่วงปัญหาของชาติหลายเรื่อง นับตั้งแต่ปัญหาช่องว่างรายได้ ที่ขยายกว้างขึ้น การทุ่มลงทุนโครงการอุตสาหกรรม การก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภค และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างบ้าคลั่งของเจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาค ที่เขาเกรงว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนร้อนแรง ทำลายสิ่งแวดล้อม ก่อหนี้เสียพุ่งสูง และร้ายที่สุดก็คือ ทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่

ความวิตกกังวลของนายจูยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของจีนในปัจจุบัน

ทว่านับตั้งแต่อำลาจากวงการเมือง นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ต่างชาติบางคนชี้ว่า รัฐบาลกลางแดนมังกรได้ละทิ้งโครงการปฏิรูปของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้เสียแล้ว หรือไม่ก็เก็บเข้าไว้ในลิ้นชัก เป็นกบจำศีลตลอดกาล
กำลังโหลดความคิดเห็น