โกลบอลไทมส์ / ไชน่า เดลี / เอเยนซีจีน - วัยรุ่นจีน 2 คน ก่อเหตุวิวาททุบตีคู่สามี-ภรรยา จนได้รับบาดเจ็บ ระหว่างขับรถกลับเข้าย่านพักอาศัยในกรุงปักกิ่ง เหตุคู่สามี-ภรรยา ขับรถไม่ทันใจ ทำให้ตนต้องเบรกรถกะทันหัน ขณะที่ตำรวจสืบพบว่า หนึ่งในวัยรุ่นผู้ก่อเหตุเป็นลูกนายพลจีนชื่อดัง
สืบเนื่องจากเหตุวิวาทเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา เมื่อคู่สามี-ภรรยา ซึ่งเป็นญาติกับเลขาธิการของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมจีน กำลังขับรถเลี้ยวเข้าประตูทางเข้าหมู่บ้านซีซานหวาฝู่ ย่านที่พักอาศัยหรูในเขตไห่เตี้ยน กรุงปักกิ่ง แต่ถูกวัยรุ่น 2 คน ที่ขับรถตามหลังมา รุมทุบตีจนได้รับบาดเจ็บ
ภรรยาแซ่หยัง ได้เผยกับโกลบอลไทมส์ว่า “เมื่อถึงประตูทางเข้าหมู่บ้านซีซานหวาฝู่ เราขับชะลอลง จากนั้นเราก็ได้ยินเสียงรถที่ขับตามหลังเรามา เหยียบเบรกกะทันหัน เราหันไปดูก็พบว่าเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูดัดแปลงและรถยนต์ออดี้ ต่อมาสามีของฉันก็ลงไปดู จากนั้นก็เกิดเหตุวิวาทขึ้น”
ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า “ชาย 2 คนเจ้าของรถยนต์บีเอ็มและออดี้ ได้เข้ามารุมทำร้ายคู่สามี-ภรรยา เป็นเวลาเกือบ 3 นาที ขณะที่ลูกวัย 5 ขวบของทั้งคู่นั่งร้องไห้อยู่หลังรถ และระหว่างรุมทำร้ายคู่สามี-ภรรยา วัยรุ่น 2 คนยังตะโกนขึ้นมาว่า ใครกล้าแจ้งตำตวจมั๊ย ! จากนั้นพวกเขาก็พยายามหลบหนี แต่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้ามาขวางไว้ วัยรุ่นทั้งสองจึงถูกจับ”
ผู้เห็นเหตุการณ์อีกราย เผยว่า “ขณะที่ชายคนขับรถยนต์ออดี้กำลังพยายามขับรถหนี แต่ขับถอยออกไปไม่ได้เนื่องจากรถยนต์ที่ตามมาหลังสุดขวางไว้ คนขับรถออดี้จึงลงไปเสนอเงินจำนวน 2,000 หยวนให้รถคันดังกล่าวหลีกทาง แต่เขาไม่ยอมหลีกให้ ”
หยัง ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เผยว่า “สามีของฉัน (แซ่เผิง) ต้องเย็บด้านหน้าศีรษะ 9 เข็ม และด้านหลังศีรษะอีก 2 เข็ม จมูกและตาขาวก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน”
เป่ยจิง นิวส์ รายงานว่า คนขับรถบีเอ็ม ซึ่งไม่มีใบอนุญาตขับขี่ คือ นายหลี่ เทียนอี้ ลูกชายวัย 15 ปีของหลี่ ซวงเจียง คณบดีกรมดนตรีแห่งสถาบันศิลปะกองทัพปลดแอกประชาชนจีน ซึ่งมียศระดับนายพล วัย 72 ปี ขณะที่รถยนต์บีเอ็มฯ ก็ไม่มีป้ายทะเบียน แต่มีปืนกลวางอยู่เบาะหลัง ซึ่งต่อมาตำรวจยืนยันว่าเป็นปืนปลอม
ชาวเน็ตเผยว่า “รถยนต์บีเอ็มคันดังกล่าว นายหลี่ เทียนอี้ ใช้เงินดัดแปลงสูงถึง 270,000 หยวน”
กรมพิทักษ์สันติราษฎร์เขตไห่เตี้ยนได้ยืนยันกับโกลบอล ไทมส์ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายหลี่ เทียนอี้ และคนขับรถยนต์ออดี้แซ่ซู่ วัย 18 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง พร้อมทั้งกำลังสอบสวนโดยละเอียด
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ชายแซ่ซู่ผู้ขับรถยนต์ออดี้ เป็นเพื่อนกับนายหลี่ เทียนอี้ ผู้ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู
หลัน เหอ ทนายความสำนักกฎหมายเหวยหัง กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ว่า “หลี่ เทียนอี้ อายุไม่ถึง 16 ปี ดังนั้นเขาจะไม่ถูกลงโทษตามกฎหมายอาญา แต่จะถูกตักเตือน ปรับเงิน และจะไม่ถูกคุมตัวเกิน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามผู้เสียหายอาจฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยทางแพ่งแทนได้”
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เผยรายละเอียดเกี่ยวกับชายขับรถออดี้ แต่ระบุว่าป้ายทะเบียนรถยนต์ออดี้ 晋(จิ้น)O00888 เป็นของปลอม โดยระบุว่า “จากการตรวจสอบพบว่า เลขป้ายทะเบียนของรถยนต์ออดี้อันที่จริงเป็นของรถยนต์โตโยต้าอเนกประสงค์ (SUV) สีขาว ซึ่งกรมสรรพากรมณฑลซันซีเป็นเจ้าของ ดังนั้นป้ายทะเบียนรถยนต์ออดี้คันนี้จึงเป็นของปลอมอย่างแน่นอน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยว่า “ชายขับรถออดี้ได้รับสารภาพว่าตนได้กุเรื่องขึ้นว่ารู้จักและมีความสัมพันธ์กับซู่ เฮ่า ผู้อำนวยการสำนักพิทักษ์สันติราษฎร์เมืองไท่หยวน มณฑลซันซี เพื่อเลี่ยงการถูกลงโทษ” พร้อมเผยว่า “หากไม่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ เราก็ยังคงจับตัวชายแซ่ซู่ไม่ได้ เนื่องจากใน4 ปีที่ผ่านมาเขาได้ละเมิดกฎจราจรไปมากกว่า 36 ครั้ง”
"ลูกผมจะต้องถูกลงโทษ"
หลี่ ซวงเจียง พ่อของหลี่เทียนอี้ ได้กล่าวกับคู่สามี-ภรรยาที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ว่า “ในฐานะพ่อ ผมขอรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของลูกผม ผมเสียใจอย่างยิ่ง และคุณน่าจะทุบตีผมคืน” พร้อมกล่าวว่า “ผมจะไม่ให้อภัยต่อความผิดที่ลูกผมได้กระทำ และลูกผมจะต้องถูกลงโทษ”
เผิง ยอมรับคำขอโทษของหลี่ ซวงเจียง และกล่าวตอบว่า “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ(หลี่ ซวงเจียง)” ขณะเดียวกันหยัง ได้กล่าวว่า “ลูกของคุณอยู่ในช่วงวัยรุ่นวัยคะนอง ซึ่งเราทุกคนก็เคยผ่านจุดนั้นมาก่อน เคยพลั้งพลาดไปขณะที่เรายังเยาว์วัย”
เหตุวิวาทครั้งนี้ได้จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับคดีอื้อฉาวข้ามปี “พ่อข้าชื่อ หลี่ กัง” โดยในคดีนี้ นาย หลี่ ฉีหมิง (ซึ่งขณะนี้ถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี) ลูกของนาย หลี่ กัง นายตำรวจระดับสูงของมณฑลเหอเป่ย ได้ขับรถชนนักศึกษา 2 คน ที่กำลังเล่นโรลเลอร์สเก็ตภายในมหาวิทยาลัยเหอเป่ย เป็นเหตุให้มีนักศึกษาเสียชีวิต 1 คน ส่วนอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากที่ขับรถชนแล้ว หลี่ ฉีหมิง ยังคงขับรถต่อไป จนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและกลุ่มนักศึกษาที่เห็นเหตุการณ์ต้องเข้ามาขวาง และบอกให้เขารับผิดชอบ แต่เขากลับตะโกนท้าทายให้ฟ้องร้องดำเนินคดีกับเขาได้ ด้วยประโยคที่ว่า “ไปเลย เชิญไปฟ้องร้องได้เลย “พ่อข้า คือหลี่กัง”” และนับจากนั้นมา ประโยค “พ่อข้า คือหลี่กัง” ก็ฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศ
ในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุหญิงจีนขับรถยนต์ออดี้ เกิดมีปากเสียงกับคนเดินเท้าตามท้องถนนในอำเภอเหมี่ยนหยัง มณฑลซื่อชวน(เสฉวน) เหตุการณ์บานปลายมากขึ้น จนมีผู้เห็นเหตุการณ์พยายามโทร.แจ้งตำรวจ แต่หญิงจีนคนดังกล่าวกลับตะโกนขึ้นมาว่า “ฟ้องเลย ฉันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ !”
โจว เสี่ยวเจิง ศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยเหรินหมิน ได้กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ว่า “พฤติกรรมอวดเบ่ง ทำตัวกร่าง เกิดจากปัญหาคอร์รัปชันและความอยุติธรรมในสังคม ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามเสถียรภาพชาติจีน”
อู่ จงหมิน ศาสตราจารย์คณะกรรมการกลางแห่งพรรคคอมนิวนิสต์จีน ได้เผยกับสำนักข่าวซินหวา ว่า “หากลูกหลานของเจ้าหน้าที่รัฐ คิดว่าตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น คิดจะทำอันใดก็ได้ แล้วอนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร”