เอเอฟพี - กลุ่มนักเคลื่อนไหวสนับสนุนอิสรภาพนับ 1,000 คน เดินขบวนที่กรุงไถเป่ย ไต้หวัน กล่าวหา หม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวันว่า ยอมสวามิภักดิ์ยกอำนาจอธิปไตยให้จีน
การเดินขบวนที่กรุงไถเป่ย ไต้หวัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา(4 ก.ย.) มีขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันในปีหน้า(2555) อีกทั้งถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านไต้หวันที่ต่อต้านจีน
“ขับไล่ หม่า อิงจิ่ว เพื่อปกป้องไต้หวัน !” กลุ่มผู้ประท้วงตะโกนร้องระหว่างเดินขบวน
กลุ่มนักเคลื่อนไหวฯได้กล่าวหาว่านโยบายเน้นการประนีประนอมของหม่า อิงจิ่ว เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับจีน เป็นเสมือนการยอมยกอำนาจอธิปไตยของไต้หวันให้จีน ขณะที่หม่า ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
หม่า ได้เผยว่า “เศรษฐกิจไต้หวันปีที่ผ่านมา(2553) ขยายตัวสูงสุดในรอบ 24 ปี เท่ากับ 10.88 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งได้อานิสงค์จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของไต้หวัน”
ตลอดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นเวลา 3 ปี หม่า อิงจิ่ว ได้ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน โดยเน้นการผูกสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยีระดับสูงกับตลาดใหญ่ของจีน มีการลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีไปบางส่วนเมื่อปีที่ผ่านมา(2553) หรือที่เรียกว่า ข้อตกลงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสัญญะของสัมพันธภาพที่ดีขึ้นทั้งสองฝ่าย อีกทั้งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปไต้หวันได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นับแต่จีนและไต้หวันได้แบ่งแยกการปกครองหลังสิ้นสุดสงครามกลางเมืองปี 2492 แต่จีนยังคงอ้างเสมอว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ที่รอการรวบรวม และหากจำเป็นก็จะใช้กำลังเข้ายึดครอง
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนม.ค.ปีหน้า (2555) ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว จะต้องชิงเก้าอี้ผู้นำไต้หวันอีกสมัยกับไช่ อิงเหวิน ผู้นำหญิงและตัวแทนพรรคดีพีพี ซึ่งเป็นสตรีคนแรกของไต้หวันที่ได้รับการเสนอชื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน
ผลโพลแสดงความเห็นล่าสุด ระบุว่า ทั้งหม่าและไช่ ต่างก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนในระดับที่ใกล้เคียงกัน
