ไช่ อิงเหวิน ชี้ “จีนกำลังครอบงำการเลือกตั้งไต้หวัน”

เอเยนซี - ไช่ อิงเหวิน ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้าของไต้หวัน เผยวานนี้ (23 ส.ค.) ว่า จีนกำลังพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะใช้อิทธิพลกีดกันเธอ มิให้มีชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนม.ค.นี้

“พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าหรือดีพีพีของไต้หวัน มีความกังวลต่อทั้งอิทธิพลและความพยายามของจีน ว่ากำลังกระทบต่อการเลือกตั้งของไต้หวัน” ไช่ อิงเหวิน ผู้สมัครประนาธานาธิบดีหญิง เผย

“แน่ทีเดียวละ ดิฉันมิใช่คนที่จีนอยากจะให้นั่งเก้าอี้” เธอกล่าวกับนักข่าวต่างประเทศ ในงานแถลงข่าว ณ กรุงไทเป ไต้หวัน

“จีนมีหนทางสร้างอิทธิพลมากมาย ถ้าคุณเป็นรัฐบาลจีนคุณจะไม่พยายามสร้างอิทธิพลในไต้หวันได้หรือ” ไช่พูดเป็นภาษาอังกฤษ

ไช่ กล่าวต่อว่า “ไม่ใช่เรื่องความลับอีกต่อไป ที่ว่า จีนได้มีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งของไต้หวันผ่านการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างสองฝ่าย เรามีนักลงทุนอยู่ในจีนจำนวนมาก และก็มีคนของเราไปทำงานที่จีนด้วยเช่นกัน ไหนจะนักเรียนแลกเปลี่ยนอีก”

ไช่ มิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำว่า “อิทธิพล” ไปมากกว่านี้ แต่ก็อ้างรายงานข่าวว่า นักศึกษาไต้หวันในจีนจะได้รับตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดให้กลับบ้านมาเลือกตั้ง

“สิ่งนี้ยังคงต้องจับตาสังเกตกันต่อไป และนี่เป็นสิ่งที่เรากังวล” ไช่กล่าว

ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ไช่ อิงเหวินจะลงแข่งขันกับ หม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของไต้หวัน จากพรรคก๊กมินตั๋ง

นอกจากนั้น ไช่ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับฉันทามติ 1992 ซึ่งพรรคก๊กมินตั๋งนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการทำข้อตกลงด้านเศรษฐกิจกับแผ่นดินใหญ่ พร้อมลั่นว่า นโยบายดังกล่าวควรจะยกเลิก แล้วใช้ฉันทามติใหม่ของชาวไต้หวัน “จีนต้องยอมรับไต้หวัน ในฐานะชาติเอกราชที่มีอธิปไตยเป็นของตนเอง”

ฉันทามติ 1992 เป็นความตกลงที่ตัวแทนไต้หวันและจีนแผ่นดินใหญ่เห็นพ้องและลงนามต่อกันเมื่อปี 1992 ที่ฮ่องกงโดยทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับหลักการจีนเดียว โดยทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้ยุติปัญหาความแตกต่างไว้ก่อน

ในปี 2492 จีนและไต้หวันแบ่งแยกการปกครองจากกัน สืบเนื่องจากสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์และพรรคก๊กมินตั๋ง เป็นผลให้เจียงไคเช็กแห่งพรรคก๊กมินตั๋งถอยร่นมาปักหลักที่ไต้หวัน แต่จีนก็ยังคงมองว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่รอการหวนคืน หากจำเป็นอาจใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามยึดครอง

ความตึงเครียดระหว่างจีนและไต้หวันบรรเทาลงหลังจากหม่า อิงจิ่วขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อปี 2551 แต่ความตึงเครียดด้านการทหารและความมั่นคงก็ยังคงออกมาเป็นระยะ ๆ