xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหารุงรัง หลังอุบัติเหตุรถไฟหัวกระสุนฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หยัง เฟิง ผู้สูญเสียสมาชิกครอบครัวไปในอุบัติเหตุรถไฟที่เวินโจว 5 คน ให้สัมภาษณ์กับสื่อในพิธีศพสมาชิกครอบครัว ในเวินโจว 25 ก.ค. (ภาพไชน่าเดลี)
เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์/เอเยนซี - หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถไฟความเร็วสูงขบวน D301 ปักกิ่ง-ฝูเจี้ยน ได้พุ่งชนท้ายรถไฟความเร็วสูงขบวน D3115 ที่วิ่งจากหังโจว - ฝูโจว ขณะที่ D3115 จอดนิ่งอยู่เนื่องจากเสียการควบคุมหลังจากที่ถูกฟ้าผ่า ทำให้ตู้รถไฟ 4 ตู้ตกลงมาจากสะพานสูง 20 เมตร ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 40 และบาดเจ็บเกือบ 200

เวลาผ่านไปเพียง 3 สัปดาห์ ปัญหาคาราคาซังก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ญาติผู้เสียชีวิตบางคนออกมาขอตั้งกองทุนฯ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ที่นอนโอดโอยอยู่ในโรงพยาบาล ยังตกลงค่าชดเชยกับเจ้าหน้าที่ไม่ได้

ญาติเหยื่อฯ ขอขายตั๋วรถไฟ ตั้งกองทุน “7.23”

หยัง เฟิง ผู้สูญเสียสมาชิกครอบครัวไป 5 ชีวิต รวมทั้งภรรยาและลูกในท้องในอุบัติเหตุรถไฟความเร็วสูงที่เวินโจว ก็หวังว่าจะได้ระดมเงินทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือญาติผู้ประสบเคราะห์กรรมฯ โดยวิธีการขายตั๋วรถไฟฯ หากกระทรวงรถไฟอนุญาต

หยัง เฟิง เผยในไมโครบล็อกของเขาว่า กำไรจากการขายตั๋วเส้นทางรถไฟระหว่างเส้าซิง และเวินโจว ในมณฑลเจ้อเจียง จะนำมาก่อตั้งมูลนิธิ 7.23 (วันที่เกิดอุบัติหตุคือวันที่ 23 เดือน 7) เพื่อช่วยเหลือญาติผู้ประสบเคราะห์กรรมในเหตุครั้งนั้น

อุบัติเหตุในวันที่ 23 ก.ค. ทำให้หยังเสียสมาชิกในครอบครัวไป 5 คน รวมทั้งภรรยาลูกที่อยู่ในท้องของเขาด้วย

หยัง เพิ่มเติมในเว็บ Sina Weibo (คล้ายทวิตเตอร์) ของจีน ว่า เขาจะเชิญชวนเอ็นจีโอมาช่วยกันตั้งมูลนิธิ หากเจ้าหน้าที่กระทรวงรถไฟอนุญาตให้เขาขายตั๋ว

ขณะที่ หู จิ่งหง ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของสำนักงานการรถไฟเซี่ยงไฮ้ เผยว่า “เราไม่ได้รับคำขอในการขายตั๋วส่วนบุคคลในการโดยสารรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางดังกล่าว และเราไม่แน่ใจว่าคำขอนี้เป็นปรารถนาของหยังจริง ๆ”

ชาวเน็ตสงสัยท่าทีเปลี่ยนไปของ “หยัง”

ข้อถกเถียงเกี่ยวกับตัวหยังปะทุอีกครั้งเมื่อต้นสัปดาห์ เมื่อชาวเน็ตไปพบว่า หยังและภรรยาที่ตั้งครรภ์ 7 เดือน แล้วเสียชีวิตพร้อมลูกนั้นไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย

ครอบครัวเหยื่อรถไฟจะได้รับเงินสงเคราะห์ 915,000 หยวน ต่อคน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าตัว จากทีแรกที่เสนอจ่ายเพียง 500,000 หยวน

รายจ่ายนั้นฯ ถือเป็นค่าทำขวัญและเงินช่วยเหลือลูกหลานผู้ตายให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ต่อไป
แฟ้มภาพเมื่อ 24 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติการกู้ภัยในอุบัติเหตุรถไฟความเร็วสูงเสยท้ายที่เวินโจว เมื่อวันที่ 23 ก.ค. (ภาพเอเอฟพี)
สำนักข่าวก่วงโจว เดลี เผยว่า หยังได้ยอมรับว่า เขาไม่ได้แต่งงานตามกฎหมายกับภรรยา แต่ก็ได้จัดพิธีสมรสตามประเพณีเมื่อปีที่แล้ว หยังกล่าวว่า “ผมรู้ว่า ผมจะไม่ได้รับเงินค่าชดเชย ผมเพียงแต่ต้องการหาหนทางช่วยเหลือคนอื่น ๆ และทำตามฝันของภรรยา”

เขาเล่าว่าภรรยาของเขาอยากทำงานขายตั๋วรถไฟฯ นี่จึงเป็นเหตุผลของการตั้งมูลนิธิฯ

อย่างไรก็ตาม บางคนก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทัศนคติและพฤติกรรมของหยัง

2 วันหลังเกิดอุบัติเหตุ หยังรวมตัวกับญาติผู้เสียชีวิตอีกนับ 100 นั่งอยู่หน้าสำนักงานรัฐบาลท้องถิ่นเวินโจวประท้วงเงียบ เรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายว่าเกิดอุบัติเหตุนี้ได้อย่างไร

นอกจากนั้น หยังให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ว่า เขาสงสัยเรื่องการกู้ภัยของรัฐบาล ซึ่งหยังชี้ว่า ชักช้าและอืดอาด แถมยังไม่ทันดูให้ดีก็ฝังซากรถไฟเสียแล้ว

เขายังได้ยืนยันในวีดีโอให้สัมภาษณ์ว่า เขาจะไม่ยอมแพ้ในการค้นหาความจริง จนกว่ารัฐบาลจะอธิบายสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุ

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตชี้ว่า ทัศนคติของหยังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หลังจากการพบปะกับเจ้าหน้าที่กระทรวงรถไฟเมื่อวันที่ 26 ก.ค.

ชาวเน็ตคนหนึ่งใช้นามแฝงว่า Tianyouzhonghua A ระบุข้อความว่า “หยังไม่ได้แสดงให้สาธารณชนรับรู้ว่า หลังจากพบปะกับเจ้าหน้าที่กระทรวงรถไฟฯแล้วทำไมหยังถึงไม่ยอมออกสื่ออีก เป็นเพราะถูกบีบบังคับให้ยอมรับข้อตกลงหรืออย่างไร” และข้อความนี้ถูกส่งต่อมากกว่า 4,000 ครั้งในวันเดียว

แม้ว่าหยังจะปฏิเสธทางไมโครบล็อกว่า เขาไม่ได้ถูกอำนาจเงินตราหรือแรงกดดันใด ๆ ครอบงำ แต่เขาก็ไม่บอกให้แน่ชัดว่าทำไมถึงยุติการออกสื่อ

ตกลงจะจ่ายค่าชดเชยเท่าไร!

ผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟเวินโจว อ้างว่า เจ้าหน้าที่รัฐกำลังโกรธที่พวกเขาต่อสู้เรียกร้องค่าชดเชย และใช้วิธีเยี่ยงอันธพาลในการจ่ายเงินกับพวกเขา

ผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตจากรถไฟมรณะฯ หลายสิบคนยังคงอยู่ในโรงพยาบาล ก็บ่นว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงรถไฟจัดการจ่ายค่าชดเชยแบบตามอำเภอใจและมารยาททราม ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะได้รับเงินหรือไม่ได้ ตอนนี้พวกเขากลัวว่าจะไม่ได้ตามที่รัฐตกลงจะให้

หลิน เคอปัว วัย 45 จากมณฑลฝูเจี้ยน เผยว่า “ผมรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามให้เงินเราน้อย ๆ เพื่อไปงุบงิบกันเองได้มากขึ้น แต่ละครั้งที่ภรรยาผมพบกับเจ้าหน้าที่ พวกเขาก็จะเสนอตัวเลขที่จะจ่ายให้ แต่พวกเขาไม่อธิบายวิธีการคำนวณค่าชดเชยเลย และทุกครั้งที่ไปพบ พวกเขาก็บอกว่าจำนวนเท่านี้คือสูงสุดแล้วที่จ่ายได้ แต่พวกเราก็ไม่ตกลง และพวกเขาก็มาอีกโดยเสนอตัวเลขที่สูงกว่าให้อีก”

“เจ้าหน้าที่อธิบายได้แต่เพียงว่า การเพิ่มนี้เป็นคำสั่งโดยตรงลงมาจากเบื้องสูง แล้วผมก็สงสัยว่า เบื้องสูงจะสั่งเพิ่มอะไรหลายครั้งขนาดนั้นเชียว”
วันที่ 28 ก.ค. ณ รพ.เหรินหมินเมืองเวินโจวหมายเลข 2 นายกรัฐมนตรีจีน เวิน จยาเป่า ได้เดินทางพบปะเยี่ยมเยียนผู้ประสบเหตุฯ แต่ขณะนี้เหยื่อผู้บาดเจ็บเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการจ่ายค่าชดเชยอีก (ภาพเฟิ่งหวง)
กรณีของหลินก็คล้าย ๆ กับอีกหลายคนที่ยังคงนอนอยู่ในโรงพยาบาลประชาชนเมืองเวินโจวหมายเลข 2 เขาชี้ว่า ญาติสนิทของผู้บาดเจ็บจะถูกเชิญไปต่อรองในอีกห้องหนึ่ง โดยไม่ได้มีพวกผู้ป่วยเข้าไปต่อรองหรือมีโอกาสพูดจาด้วยเลย

“ครอบครัวของพวกเราต้องซ่อนอยู่ตามหลืบโรงพยาบาล คอยเปรียบเทียบตัวเลขที่พวกเจ้าหน้าที่มาเสนอ ว่าเป็นธรรมกับพวกเราหรือไม่ ซึ่งตัวเลขตอนแรกกับตอนนี้ห่างกันมาก”

หลินชี้ว่า “ตอนนี้ผมรู้สึกว่าขยับตัวได้เพียงเล็กน้อยและไม่สามารถจะลงไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ พวกเจ้าหน้าที่บอกกับภรรยาผมว่า การจ่ายครั้งนี้เป็นการจ่ายเพียงครั้งเดียว และพวกเขาบอกว่าถ้าไม่เอา ต่อไปเกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษก็แล้วกัน ซึ่งผมคิดว่า คำพูดแบบนี้มันน่าขันที่สุด”

เตียงถัดจากหลิน ก็มีอีกคนชื่อว่า ซู จงผู่ ชาวเจ้อเจียง อาการของเขาดีมากแล้ว พอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ก็ยังคงถูกสั่งให้นอนต่อไปจนกว่าการเจรจาเรื่องค่าชดเชยจะเสร็จสิ้น

“หมอไม่มีสิทธิ์สั่งให้เรากลับบ้านจนกว่าเราจะลงนามยอมรับเงินฯ” ชายหนุ่มแซ่ซูวัย 20 เล่าว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่มาเสนอให้ภรรยาของเขา 10,000 หยวน แต่ต่อมาหลังการพบปะเมื่อวันจันทร์ก็เพิ่มเป็น 39,800 หยวน

“ถ้าแค่นี้ไม่พอ ก็นอนต่อไปนะ กลับบ้านไม่ได้” ซูเล่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่บอกกับภรรยาให้สื่อฟัง “แล้วพวกเขาคิดว่าเราชอบอยู่โรงพยาบาลหรือยังไง” ซูบ่น

ลั่ว เหรินฉิน วัย 43 บาดเจ็บที่หลัง และตาขวาบอด เล่าให้ฟังว่า เจ้าหน้าที่พยายามให้เขากลับฝูเจี้ยน “พวกเขาบอกผมว่าผมอาการดีขึ้นแล้ว และควรจะออกจากที่นี่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับรองอาการผมได้ แม้แต่หมอยังบอกว่าผมเสี่ยงต่อการเดินทาง ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่เพียงต้องการเอาชื่อผมออกไปให้พ้น ๆ จากบัญชีของเขาเท่านั้น”

โฆษกรัฐบาลท้องถิ่นเวินโจวเผยว่า พวกไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเจาจาค่าชดเชย ขณะที่สำนักงานรถไฟเซี่ยงไฮ้ก็ปฏิเสธแสดงความเห็นเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น