เอเอฟพี - ในฐานะที่จีนเป็นประเทศที่อุ้มซื้อหนี้หรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้มากที่สุด วันนี้ (2 ส.ค.) บรรดาสื่อจีนออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ว่า การตัดสินใจขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะนั้น มีความเสี่ยงและจะก่อปัญหากับเศรษฐกิจโลกได้
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้ลงมติเห็นชอบข้อตกลงขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะ เพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (default) อันจะก่อให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ (1 ส.ค.) เป็นการเปิดทางให้วุฒิสภาโหวตร่างกฎหมายดังกล่าวต่อไป ซึ่งคาดกันว่าจะผ่านฉลุยทันเส้นตายวันที่ 2 สิงหาคมนี้
หนังสือพิมพ์พีเพิลเดลี กระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตีพิมพ์ในคอลัมน์วิจารณ์ ว่า “แม้ว่าสหรัฐฯ ต้องการจะเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจเฉพาะหน้า แต่ปัญหาหนี้ฯ ยังไม่ได้รับการแก้ไขที่ต้นตอ”
“พวกเขา (สหรัฐฯ) เพียงต้องการยืดเวลา เพื่อให้มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีก ขณะนี้เงามืดได้ทอดตัวเหนือการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ซ่อนความสุ่มเสี่ยงและปัญหานานัปการซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย” พีเพิลเดลีเผย
พีเพิลเดลีชี้ว่าการปรับขยายเพดานหนี้ฯ เป็นการต่อสู้ทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเอง แม้ว่าจะสามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ก็ตาม
หลี่ เซียงหยัง นักวิจัยประจำสำนักสังคมศาสตร์จีน เขียนบทความลงในพิเพิลเดลีฉบับภาษาอังกฤษว่า “การตัดสินใจของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อความเสี่ยงในการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯของจีนในระยะยาวด้วย”
“มันก็มีความจำเป็นที่สหรัฐฯ จะต้องขยับเพดานหนี้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือต้องเปลี่ยนแนวโน้มการเพิ่มการถือครองสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์ในอนาคต (หรือพูดง่าย ๆ ว่าลดหนี้) ให้ได้ นี่เป็นหลักการพื้นฐานสำหรับแบบแผนการเติบโตทางเศรษฐกิจ” หลี่กล่าว
สำนักข่าวซินหวาเสริมว่า สหรัฐฯ ยังคงประสบภาวะหนี้สิน และในระยะยาวแล้วปัญหาการผิดนัดชำระหนี้จะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน
แม้จีนจะไม่ได้ออกแถลงตอบโต้เรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายฝ่ายก็เชื่อว่า จีนอาจมองว่าครั้งนี้เป็นความพยายามด้านบวก ที่สหรัฐฯ จะเรียกความมั่นใจต่อสกุลเงินดอลลาร์และตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของนักลงทุนกลับคืนมา
เฉิน เต้าฝู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายประจำสถาบันวิจัยการเงิน ศูนย์วิจัยและพัฒนาของคณะมุขมนตรีจีน เผยว่า “ข้อตกลงนี้เป็นการเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ และจะช่วยให้จีนผ่อนคลายด้วย”
“เรายังคงไม่สามารถชี้ขาดได้ว่า ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จะตกต่ำหรือไม่ เพราะเราต้องติดตามวิธีการแก้ไขปัญหาหนี้ฯ ของสหรัฐฯ ในระยะยาวต่อไป” เฉินกล่าว
“สำหรับผู้กำหนดนโยบายของจีน ก็กำลังหาทางเลือกเพื่อจัดการเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่จีนถือครอง ซึ่งเป็นสกุลดอลลาร์จำนวนมหาศาล และการลดปริมาณการเก็งกำไรระยะสั้น ยังคงเป็นเป็นหาท้าทายอย่างหนัก” เฉินกล่าว
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยว่า เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาดการณ์ 30.3 เปอร์เซ็นต์ปีต่อปี เมื่อสิ้นเดือนมิ.ย. จีนมีเงินสำรองในคลังฯ สูงถึง 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ และจีนเก็เพิ่มการถือครองพันธบัตรหรือหนี้สหรัฐฯ อีก 7,300 ล้านดอลลาร์ ทำให้มีทั้งหมด 1.16 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อเดือนพ.ค. 2554
อี๋ว์ หย่งติ้ง ที่ปรึกษาของธนาคารประชาชนจีนเรียกร้องให้รัฐบาลจีนลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หลายครั้ง พร้อมชี้ให้ลดการถือครองเงินดอลลาร์ในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มอ่อนค่าลงด้วย
ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า การเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ ออกไปนั้น เป็นการฆ่าตัวตายชัด ๆ เพราะจะทำให้มูลค่าหนี้ที่จีนถือครองนั้นลดต่ำตามไปด้วย พวกเขาเสริมว่า จีนประสบภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มีทางออกน้อยนิด แต่ก็ต้องตัดสินใจถือครองและซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อไป เพื่อรักษาภาวะปกติในตลาด.
คลิกอ่าน “สาระสำคัญของแผนเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ”