xs
xsm
sm
md
lg

"แอสเซทพลัส"มองราคาทองรอบใหม่ คาดวิ่งในกรอบ1,520-1,560USD/oz

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ. แอสเซทพลัส มองกรอบราคาทองคำใหม่ปรับตัวระหว่าง1,520.00 - 1,560.00 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หลังแรงกดดันจากการปรับลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรสหรัฐฯและการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯต่อค่าเงินสกุลอื่นดันความต้องการถือทองคำเพิ่มขึ้น

รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวระหว่าง 1,508.50- 1,540.75 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าของค่าเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯต่อค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ

โดยในสองสัปดาห์ข้างหน้านี้เราคาดว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากแรงกดดันจากการปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรสหรัฐฯ ทำให้คาดว่าน่าจะมีปริมาณความต้องการลงทุนในทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งคาดว่าราคาทองคำน่าจะปรับตัวระหว่าง 1,520.00 - 1,560.00 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศน่าจะปรับฐานจากความกังวลของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงต่อวิกฤติหนี้สาธารณะ และปัญหาการขาดดุลการคลังในกรีซได้คลายความกดดันลงหลังที่ประชุมของ EU และ IMF มีมติร่วมกันเพื่ออนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซรอบ 2 จำนวน 1.1 แสนล้านยูโร หรือ 1.61 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และป้องกันความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลกรีซ โดยจะต้องแลกด้วยการรัดเข็มขัดของประเทศกรีซ ทั้งนี้ดัชนี S&P500น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,280-1,330 จุด ขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 22,580-23,700 จุด

ส่วนตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้น่าจะปรับตัวลดลงตามความกังวลของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจน อีกทั้งตลาดในประเทศยังขาดปัจจัยบวกสนับสนุน โดยปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจโลกรวมทั้งความเสี่ยงต่อวิกฤติหนี้สาธารณะ ส่วนปัจจัยภายในประเทศได้แก่แนวโน้มของพรรคการเมืองในการเข้ามาเป็นรัฐบาลประกอบกับนโยบายที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุนต่างๆโดยคาดว่าจะ SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,045-1,070 จุด

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น รุ่นอายุคงเหลือไม่เกิน 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปรับตัวระหว่าง 0 - 10 basis points ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ที่มีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นตามการปรับตัวของอัตราเงินเฟ้อ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (รุ่นอายุคงเหลือมากกว่า 5 ปี) ปรับตัวลดลง โดยเคลื่อนไหวระหว่าง -15 ถึง -2 basis points เพราะถึงแม้ กนง.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเป็น 3.00% แต่นักลงทุนได้คาดการณ์ถึงโอกาสในการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้แล้ว ดังนั้นจึงเป็นการขายทำกำไรหลังประกาศ สำหรับในสองสัปดาห์ข้างหน้าคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงมีแรงกดดันจากเงินเฟ้ออยู่จึงทำให้มีโอกาสปรับตัวสูงได้อีกหากตัวเลขเงินเฟ้อต่างจากการคาดการณ์ของนักลงทุน

รายงานข่าวบลจ.แอสเซท พลัส ระบุต่อว่า สองสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง 97.70- 102.70 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากการปรับตัวลดลงของค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯที่ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาถูกลงสำหรับผู้นำเข้าน้ำมันดิบอย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนักตามปริมาณความต้องการน้ำมันที่น่าจะปรับตัวลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวจากตัวเลขการว่างงานที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวระหว่าง 98.00 - 105.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น