xs
xsm
sm
md
lg

ดบ.จ่อขึ้นแนะพักเงินบอนด์สั้นต่อ บลจ.ตบเท้าขายกองทุนใหม่รองรับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ธนชาต มองดอกเบี้ยขึ้นต่อ แนะพักเงินบอนด์ระยะสั้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ล่าสุด เข็น "ธนชาต Fixed Income 2" ลงทุนสั้น 6 เดือน ชูผลตอบแทน 3.20% ขณะที่ บลจ. บัวหลวง ส่ง "บัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 15/11" ให้ผลตอบแทน 2.95%

นายสุรธีร์ กิตติวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นและระยะกลางปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลตอบแทนระยะยาวปรับลดลง สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ระยะยาวเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดออกมาที่ระดับสูงกว่า 4% ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลตอบแทนระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงสภาพคล่องทางการเงินที่มีปริมาณมาก ทำให้ยังคงมีความต้องการลงทุนในพันธบัตรระยะสั้น ๆ อยู่

นอกจากนี้แล้ว ปริมาณพันธบัตรที่ออกใหม่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลตอบแทนไม่ผันผวนรุนแรง และความกังวลกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จากปัญหาวิกฤตหนี้สินของบางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป เช่น กรีซ ทำให้นักลงทุนเคลื่อนย้ายเงินลงทุนเข้าสู่ในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น จะเห็นได้จากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับลดลงจาก 3.29% มาอยู่ที่ 3.06% ในเดือนที่ผ่านมา และส่งผลดีทางจิตวิทยาการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวของไทย

"แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จะส่งผลดีต่ออัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้น ที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย บริษัทฯ จึงแนะนำให้นักลงทุนลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อไม่ให้เสียโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น และปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังติดลบอยู่ จากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันและสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น"

ล่าสุดบริษัทเพิ่มกองทุนใหม่เพิ่มอีก 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดตราสารหนี้กองใหม่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 2 (TFixedIncome2) ซึ่งไอพีโอแล้ว ถึง 27 มิถุนายน 2554 โดยมีเป้าหมายผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี ระยะลงทุนประมาณ 6 เดือน โดยตั้งเป้าลงทุนประมาณ 45% ในบัตรเงินฝาก China Construction Bank ซึ่งเป็นธนาคารภาครัฐของประเทศจีน ในอันดับเครดิต A- โดย S&P และ/หรือเงินฝากประจำ Union National Bank ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ ในอันดับเครดิต A+ โดย Fitch และ/หรือตราสารหนี้ต่างประเทศอื่นๆ ที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ขึ้นไป และอีกประมาณ 55% เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือธนาคาร หรือตราสารหนี้อื่นๆ ในประเทศ ที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ขึ้นไป ผลตอบแทนรวมของตราสารประมาณ 3.3102% ต่อปี โดยมีประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุนประมาณ 0.1102%ต่อปี โดยกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนสำหรับมูลค่าตราสารหนี้ต่างประเทศที่กองทุนลงทุน

ด้าน บลจ. บัวหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนรวมบัวหลวงตราสารหนี้ชนิดระบุวันครบกำหนด 15/11 หรือ B-Fixterm 15/11 มีอายุการลงทุนสั้น ๆ ประมาณ 6 เดือน โดยให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 2.95% ต่อปี นักลงทุนสามารถลงทุนขั้นต่ำได้ 10,000 บาท ซึ่งเริ่มเปิดขายไอพีโอแล้วตั้งแต่วันนี้ - 28 มิถุนายน 2554โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนการลงทุนที่ 8% ซึ่งประมาณผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับ 0.25% ต่อปี

ขณะเดียวกันกองทุนจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก หรือตราสารหนี้ของสถาบันทางการเงินในประเทศ ในสัดส่วนการลงทุนที่ 19% ซึ่งประมาณผลตอบแทนที่กองทุน จะได้รับ 3.20% ต่อปี ลงทุนในตราสารหนี้เกาหลีใต้ในสัดส่วน 24% ซึ่งประมาณผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับ 3.15% ต่อปี รวมถึงเงินฝาก หรือตราสารหนี้ใน ต่างประเทศ ที่จะเข้าไปลงทุนอีกประมาณ 1% ซึ่งประมาณผลตอบแทนที่กองทุนจะได้รับ 0.750% ต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น